ในประเทศ

ประมงสงขลา เตือนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รับมืออุทกภัยช่วงหน้าฝน

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน นายธนาวุฒิ กุลจิตติชนก ประมงจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนของทุกปี ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ซึ่งในบางจุดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเดือดร้อน ความเสี่ยงและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สำนักงานประมงจังหวัดสงขลาจึงออกประกาศเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปี 2561 ดังนี้

ในภาวะต้นฤดูฝนไม่ควรสูบน้ำเข้าบ่อเพราะน้ำจะพัดพาสิ่งสกปรกจากผิวดินลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติควรปล่อยให้น้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น จึงจะนำไปใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จัดทำร่องระบายน้ำและขุดลอกตะกอนดินที่จะทำให้ร่องระบายน้ำตื้นเขินออกไปเพื่อให้น้ำไหลเข้าออกสะดวก จัดเตรียมเครื่องเพิ่มออกซิเจนไว้ให้พร้อมเพื่อใช้ในการดำเนินการช่วยเหลือสัตว์น้ำในบ่อในกรณีปริมาณน้ำจากภายนอกไหลเข้าออกอย่างกระทันหัน เตรียมทยอยจับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดขึ้นมาจำหน่ายหรือบริโภคเพื่อลดปริมาณสัตว์น้ำในบ่อให้เหลือน้อยลง ปรับปรุงคันบ่อ เสริมคันบ่อหรือขึงอ้วนไนล่อน ล้อมรอบบ่อให้สูงพอกับปริมาณน้ำที่เคยท่วมในปีที่ผ่านผ่านมา จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องเพิ่มออกซิเจน ยาปฏิชีวนะไว้ให้พร้อม จัดเตรียมปูนขาวไว้สำหรับพื้นที่ดินกรดดินเปรี้ยวเพื่อปรับสภาพน้ำในบ่อหลังน้ำท่วมปริมาณ 50-60 กิโลกรัมต่อไร่ วางแผนการเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และฤดูกาลเพื่อให้สามารถจับสัตว์น้ำได้ก่อนฤดูน้ำหลาก

นอกจากนั้นการเลี้ยงปลาในกระชังควรตรวจสอบความแข็งแรงของวัสดุอุปกรณ์ในการผูกยึดตัวกระชังเพื่อให้สามารถกักขังสัตว์น้ำและต้านทานกระแสน้ำได้ ควรยกกระชังเลี้ยงปลาให้สูงจากผิวน้ำไม่น้อยกว่า 1 เมตรและควรนำผืนอวนมาปิดปากกระชังถ้าจำเป็นเพื่อป้องกันปลาหลุดออกจากกระชังเลี้ยงปลา ในขณะที่การเลี้ยงจระเข้ในที่กักขังจำเป็นต้องคำนึงถึงการออกแบบให้บ่อเลี้ยงจระเข้มีความมั่นคง แข็งแรงและปลอดภัยเพียงพอเพื่อป้องกันปัญหาจระเข้ปีนหลบหนีหรือขุดรูหลบหนีออกจากบ่อเลี้ยงโดยเฉพาะเมื่อต้องประสบปัญหาภัยพิบัติ อุทกภัย

ทั้งนี้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตและดูแลสัตว์น้ำในระยะดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หากพบปลาป่วยหรือมีอาการผิดปกติสามารถแจ้งหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดสงขลาโทรศัพท์ 074-311302

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์