สั่งเด้ง 2 ดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ ออกจากราชการ รีดเงินนักท่องเที่ยงฮ่องกง

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. พล.ต.ต.มงคล วรุณโน ผบก.น.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ขจรพงศ์ จิตติ์ ภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงค์ รองผกก.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ สั่งการ ร.ต.อ.ปราชญา พุฒพันธ์ รองสว.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ รับแจ้งเหตุร้องทุกข์กล่าวโทษคดีอาญาที่ 1454/2561 ลงวันที่ 6 พ.ย. จากนายเอเดรียน อู๋ อายุ 42 ปี ชาวฮ่องกง เพื่อเอาผิดตำรวจสายตรวจ สน.ทองหล่อ 2 นาย ทราบชื่อ ด.ต.สุยันต์ ภักดีแก้ว ผบ.หมู่งานป.สน.ทองหล่อ และด.ต.วุฒิภัทร ชื่นจำปา ผบ.หมู่งานป.สน.ทองหล่อ

ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทางทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เหตุเกิดบริเวณระหว่างซอยทองหล่อ 21-23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. โดยมีทรัพย์สินเสียหายเป็นเงินธนบัตรไทย 20,000 บาท และเงินธนบัตรดอลลาร์ 500 เหรียญ คิดเป็นเงินไทย 16,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 36,000 บาท

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พ.ย. เวลาประมาณ 15.00 น. นายเอเดรียน อู๋ ขี่รถจักรยานยนต์จากที่พักซอยนานา มาพบเพื่อนที่ร้านกาแฟบริเวณซอยทองหล่อ 21 ระหว่างผู้เสียหายเตรียมหยุดรถ เพื่อเลี้ยวกลับมาบริเวณด้านสน.ทองหล่อ มีตำรวจแต่งกายในเครื่องแบบ 2 นาย ขี่รถจักรยานยนต์มาด้านหลัง ก่อนหยุดต่อหน้าผู้เสียหาย จากนั้นตำรวจที่นั่งซ้อนท้ายได้เดินเข้ามาหา ผู้เสียหายจึงถามกลับไปว่ามีอะไรหรือครับ ตำรวจนายดังกล่าวจึงสอบถามเรื่องใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์และขอตรวจสอบหนังสือเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรไทย

ผู้เสียหายจึงนำเอกสารที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายออกมาให้เจ้าหน้าที่รูปร่างผอมยืนดู ส่วนตำรวจรูปร่างอ้วนเป็นคนตรวจสอบเอกสารดังกล่าว พร้อมทั้งขอตรวจสอบกระเป๋าสะพาย พบสลิปการถอนเงินหลายครั้งและเห็นจำนวนเงินคงเหลือประมาณ 900,000 บาท โดยผู้เสียหายได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ระหว่างนั้นผู้เสียหายพยายามขอใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาเพื่อนที่พูดภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่ลักษณะรูปร่างอ้วนไม่ให้ติดต่อเพื่อน

จากนั้นตำรวจนายดังกล่าวได้สอบถามที่อยู่ผู้เสียหาย ก่อนให้พาไปตรวจค้นที่ห้องพัก ผู้เสียหายสงสัยจึงสอบถามว่าทำไมจึงต้องไปตรวจค้นห้องพัก จากนั้นเจ้าหน้าที่ลักษณะรูปร่างอ้วนได้นั่งซ้อนท้ายผู้เสียหายให้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่สน.ทองหล่อ ต่อมาเจ้าหน้าที่ลักษณะรูปร่างอ้วนได้สอบถามผู้เสียหายถึงเรื่องประกันภัยรถจักรยานยนต์ ก่อนถามว่าได้รถจักรยานยนต์ดังกล่าวมาจากไหน ทางผู้เสียหายจึงได้ตอบเจ้าหน้าที่ว่าได้มาจากร้านเช่ารถแถวซอยนานาค่าเช่าวันละ 300 บาท

จากนั้นผู้เสียหายสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นและกระทำความผิดอะไร เจ้าหน้าที่รูปร่างอ้วนพูดกับผู้เสียหายเป็นภาษาไทย ซึ่งผู้เสียหายไม่เข้าใจ จากนั้นผู้เสียหายหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง เพื่อติดต่อกับเพื่อนที่พูดภาษาไทยได้ แต่เจ้าหน้าที่รูปร่างอ้วนห้ามไม่ให้ใช้โทรศัพท์ เพื่อนของผู้เสียหายที่นั่งอยู่ด้วย จึงพยายามใช้โทรศัพท์มือถือแต่ก็ถูกห้ามไว้เช่นกัน จากนั้นผู้เสียหายจึงคิดว่าตำรวจทั้งสองต้องการเงิน

ต่อมาตำรวจรูปร่างผอมพิมพ์ข้อความส่งมายังมือถือของผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่เข้าใจ แล้วตำรวจรูปร่างผอมจึงเปิดเครื่องคิดเลขในโทรศัพท์มือถือส่งให้ผู้เสียหาย ก่อนเสนอเงินให้เพื่อแลกกับอิสรภาพ 2,000 บาท เนื่องจากต้องการกลับบ้านและกลัวว่าหากไม่ยอมเสนอเงินให้จะถูกเจ้าหน้าที่โยนความผิดมา แต่ตำรวจรูปร่างอ้วนได้เอาสลิปการถอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายวางบนโต๊ะให้ผู้เสียหายดูพูดในทำนองว่ายังมีเงินเหลือในบัญชีอีกค่อนข้างเยอะ

ผู้เสียหายจึงพิมพ์ตัวเลขในเครื่องคิดมือถือเพิ่มเป็น 5,000 บาท ให้ตำรวจดูแต่ก็ไม่ยอมตกลง จึงเสนอเพิ่มเป็น 10,000 บาท เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ตกลง จึงเสนอเพิ่มให้อีกเป็นคนละ 10,000 บาท เป็น 20,000 บาท แต่ตำรวจรูปร่างอ้วนยังไม่ตกลงอ้างว่ายังมีตำรวจอีกหลายคนอยู่ภายในห้อง ระหว่างกำลังเจรจาต่อรองกับตำรวจรูปร่างผอมอยู่นั้น เพื่อนของผู้เสียหายถูกนำตัวไปถ่ายรูปคู่กับรถจักรยานยนต์ ผู้เสียหายจึงเสนอเงินให้เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท ตำรวจทั้งสองคนยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร แสดงให้เห็นว่าพอใจ

หลังจากนั้นตำรวจรูปร่างอ้วนได้พาผู้เสียหายไปที่ห้องน้ำข้างโรงอาหาร แล้วให้ผู้เสียหายนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องน้ำ แต่ตำรวจรูปร่างผอมได้ทำเอกสารให้เพื่อนของผู้เสียหายกลับบ้านได้ ระหว่างตำรวจรูปร่างผอมกำลังเดินกลับมานั้น ตำรวจรูปร่างอ้วนได้ให้ผู้เสียหายวางกระเป๋าไว้ที่ห้องน้ำ แล้วให้ผู้กล่าวหาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มมาให้ ผู้เสียหายไม่ยอมวางเนื่องจากมีเงินอยู่ แต่ตำรวจรูปร่างอ้วนบอกว่าไม่เป็นไรปลอดภัย เมื่อเห็นท่าทีว่าไม่ยอม จึงถามว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ ผู้เสียหายจึงตอบไปว่ามีอยู่ 20,000 บาท

จากนั้นตำรวจรูปร่างอ้วนจึงพาผู้เสียหายเข้าห้องน้ำ เพื่อเอาเงิน 20,000 บาท และเงินดอลลาร์ 500 เหรียญ จากนั้นเมื่อตำรวจคนผอมมาถึงตำรวจอ้วนได้ยื่นเงินไทย 20,000 บาทให้ ก่อนเก็บเงินยูเอสดอลลาร์ 500 เหรียญไว้ จากนั้นได้คืนเงินมา 900 บาทให้ผู้เสียหายและปล่อยตัวหลังจากได้เงินดังกล่าวไป เมื่อผู้เสียหายกลับไปที่ห้องพัก จึงเล่าเรื่องให้คนรู้จักฟังแล้วก็ทราบว่าการกระทำของตำรวจทั้งสองนาย ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จึงได้เข้าแจ้งความดังกล่าว

กระทั่งทราบว่าตำรวจลักษณะรูปร่างอ้วนคือ ด.ต.สุยันต์ ส่วนตำรวจรูปร่างผอมคือ ด.ต.วุฒิภัทร ซึ่งจากการสอบสวนตำรวจทั้ง 2 นายให้การปฏิเสธ ก่อนพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พิจารณาโทษอาญาแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา

ด้านพล.ต.ต.มงคล กล่าวว่า เบื้องต้นสั่งการให้ตำรวจสังกัดงานป้องกันปราบปรามสังกัดสน.ทองหล่อ ทั้ง 2 นายออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้ผกก.ดูแลงานสอบสวน บก.น.5 เป็นผู้ดำเนินการพิจารณาการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยเร็วต่อไป

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์