อย.แจงแล้ว! ปมเพิกถอนทะเบียนยาจุดกันยุง หลังถูกร้อง ป.ป.ช. ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

จากกรณีนายเกษมสันต์ วีระกุล นักวิชาการอิสระ ยื่นหนังสือฟ้องเลขาธิการคณะกรรมการอาหารอละยา (อย.) ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่การเอาผิดยาจุดกันยุงเรนเจอร์ สเก้าท์ ซึ่งตรวจพบสารห้ามใช้ตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน  นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการ อย. แถลงข่าวถึงเรื่องนี้ ว่า อย.ไม่ได้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งนับตั้งแต่นายเกษมสันต์ ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยาจุดกันยุง เรนเจอร์ สเก้าท์ เมื่อปลาปี 2557 อย.ได้เข้าไปรวบรวมหลักฐานและส่งผลิตภัณฑ์ตรวจสอบ ซึ่งพบการใช้สารที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงได้เสนอเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งได้พิจารณาเพิกถอนทะเบียนไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2561 ขณะนี้อยู่ระหว่างให้บริษัทเรียกเก็บคืนสินค้าจากบริษัทลูกที่นำไปจำหน่ายและท้องตลาด เพื่อความลอดภัยของประชาชน โดยให้เวลาในการดำเนินการ 6 เดือน ส่วนการโฆษณายาจุดกันยุงเรนเจอร์ สเก้าท์ ในปัจจุบันนั้น เป้นยาจุดกันยุงเรนเจอร์ สเก้าท์ ที ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คนละสูตร แต่จากการตรวจสอบไม่พบการกระทำผิดแต่อย่างใด จึงมีสิทธิในการโฆษณาและขายสินค้าตามปกติ

นพ.ธเรศ กล่าวว่า ส่วนการที่บริษัทยาจุดกันยุงฟ้องอดีตรองเลขาธิการ อย.และผู้นำเรื่องไปร้อง ป.ป.ช.ฐานหมิ่นประมาทนั้น ก็ให้เป็นเรื่องของการดำเนินคดี แต่ยืนยันว่า อย.เราดำเนินการตรงไปตรงมา ซึ่งต้องขอบคุณผู้ที่ไปร้องด้วย เพราะถือ อย.ปฎิบัติตาม ป.ป.ช. ซึ่งจากการฟ้องร้องดังกล่าวสุดท้ายก็ไปจบที่ ป.ป.ช.อยู่ดี จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะเราทำตามหน้าที่

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า หลังจากมีการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ตลอดช่วงปี 2558 อย.ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานที่นำเข้า โดยนำผลิตภัณฑ์ส่งตรวจ จำนวน 3 ครั้ง ตั้งแต่ช่วง 6 มกราคม  – 29 ตุลาคม 2558 รวม 5 รุ่นการผลิต ผลการตรวจวิเคราะห์ทั้ง 5 รุ่นพบสาร Meperfluthrin ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ จึงได้ให้ผู้ประกอบการเรียกเก็บสินค้าคืนออกจากตลาด และได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน ข้อหานำเข้าวัตถุอันตรายปลอม นำเข้าวัตถุอันตรายที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้ขออนุญาตนำเข้า นอกจากนี้ ยังพบการทำฉลากที่ไม่ถูกต้อง ก็ได้ให้ทำการแก้ไข แต่ผู้ประกอบการไม่ได้ดำเนินการตาม จึงมีการเก็บหลักฐานเพิ่มอีกในช่วงปี 2561 ก็พบว่ายังคงทำผิดฐานเดียวกันซ้ำๆ จึงนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการวัตถุอันตรายเพิกถอนทะเบียน และได้มีคำสั่งเพิกถอนเมื่อวันที่ 21 กันยายน  2561 จึงได้ปรากฏเป็นข่าวออกมาในช่วงนั้น แต่จริงๆ แล้วเรามีการดำเนินการมาก่อน ไม่ได้ละเว้นหน้าที่แต่อย่างใด

 

 

 


ที่มา มติชนออนไลน์