ตื่นตัวรับ “ปาบึก” อุตุฯ ญี่ปุ่นคำนวณ เมื่อเคลื่อนที่เข้าอ่าวไทยจะเพิ่มแรงลมเป็น55น็อต เท่าแฮเรียสที่แหลมตะลุมพุก

แฟ้มภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

เวลา 12.30 น. วันที่ 2 มกราคม แบบจำลองสภาพอากาศ (วาฟ-รอม) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) แจ้งสถานการณ์ล่าสุดของพายุปาบึก ว่า ขณะนี้พายุปาบึกยังเป็นพายุโซนร้อน ที่มีความเร็วลมอยู่ที่ 35 น็อตต่อชั่วโมง หรือประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่คาดว่าเมื่อพายุหันหน้าเข้าสู่บริเวณอ่าวไทยความเร็วลมจะเพิ่มขึ้น ซึ่งศูนย์อุตุนิยมวิทยาของประเทศญี่ปุ่นคำนวณไว้อยู่ที่ 55 น็อต หรือราว 90-95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งความเร็วลมดังกล่าวยังอยู่ในช่วงของพายุโซนร้อนอยู่ แต่เมื่อเปรียบเทียบความเร็วลมแล้วพบว่ามีความใกล้เคียงกับพายุโซนร้อนแฮเรียสที่เกิดขึ้นที่บริเวณแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ.2505 ซึ่งความเร็วลมของพายุแฮเรียสในขณะนั้นอยู่ที่ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วลมขนาดดังกล่าว สามารถอาจจะทำให้เสาไฟฟ้าโค่นหักลงได้ ซึ่งการทวีความรุนแรงขึ้นดังกล่าว เป็นเหตุให้กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเปลี่ยนความรุนแรงของคลื่นจากสูง 2-4 เมตร เป็น 3-5 เมตร

“กรณีของพายุโซนร้อนปาบึกนี้ จะมีพื้นที่ที่มีฝนตกหนัก และเฝ้าระวังสูงสุด 4 พื้นที่ คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี โดยมีฝนตกในช่วง 200-300 มิลลิเมตรต่อวัน ในวันที่ 4-5 มกราคม และอาจจะทำให้บางพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมอยู่ที่ 400-500 มิลลิเมตรได้” วาฟระบุ

 

วาฟระบุด้วยว่า ในวันที่ 3 มกราคมนั้นพายุปาบึก จะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ตอนล่างก่อน คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา วันที่ 4 มกราคม จะมีฝนตกหนักมากที่ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชุมพร วันที่ 5 มกราคม จะตกหนักมาก ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ และวันที่ 6 มกราคม จะเคลื่อนตัวมาตกหนักมากที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอาจจะเลยมาถึง จ.เพชรบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สสนก.ได้เสนอให้มีการตั้งศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเฝ้าระวังปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ภาคสนามจาก สสนก.ได้ลงพื้นที่ เพื่อติดตั้งเครื่องมือทุกอย่างเตรียมปฏิบัติการแล้ว และในเวลา 14.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจิดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เรียกประชุมด่วนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดอีก

 

ที่มา : มติชนออนไลน์