“สมาคมผู้ค้าปลีก-ร้านค้าปลอดอากร” จี้ “บิ๊กตู่” ทบทวนสัมปทานดิวตี้ฟรีผูกขาด หวั่นไทยขาดอิสระทางการค้า
เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย พร้อมด้วยนางรวิฐา พงศ์นุชิต นายกสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากรไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนหลักเกณฑ์การให้สัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดอากร พร้อมจัดตั้งจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน และลดอัตราอากรขาเข้า เพื่อส่งผลให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับประเทศชาติ โดยนายวรวุฒิกล่าวว่า ตามที่สมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากรไทย และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้ร่วมศึกษาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการให้สัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดอากรในประเทศไทย โดยเล็งเห็นว่าหากประเทศไทยยกเลิกการผูกขาดธุรกิจสินค้าปลอดอากรทั้งภายในสนามบินและในตัวเมือง เปิดจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน และปรับอัตราภาษีนำเข้าให้เเข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ซึ่งหากทำตามแนวทางดังกล่าว ตนมองว่าจะส่งผลให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมค้าปลีกท่องเที่ยว มากถึงปีละ 2.7 ล้านบาท
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
นายวรวุฒิกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนจึงอยากยื่นข้อเสนอ 3 ข้อให้รัฐบาลได้ทบทวน คือ 1.ยกเลิกระบบผูกขาด โดยให้รัฐวิสาหกิจที่ดูแลในเรื่องของสนามบิน ปรับเปลี่ยนระบบสัมปทานจากปัจจุบันที่เป็นระบบสัมปทานรายเดียว เปลี่ยนมาใช้ระบบสัมปทานหลายรายตามหมวดหมู่สินค้าแทน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเเข่งขันที่เป็นธรรม และความหลากหลายของสินค้า 2.จัดให้มีจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน เพราะปัจจุบันในสนามบินมีผู้ประกอบการร้านค้าปลอดอากรในเมืองเพียงรายเดียว ถือเป็นการผูกขาด ดังนั้น บริษัทรัฐวิสาหกิจด้านสนามบิน ต้องจัดให้มีจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบินตามกฎหมายศุลกากร โดยไม่เปิดให้มีสัมปทาน และ 3.พิจารณาลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับสินค้านำเข้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพื่อยกระดับศักยภาพการเเข่งขันของประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นในระดับภูมิภาค และสร้างผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย
