ทักษิณจัดรายการ Good Monday ตอน 3 ชวนโลกมาเที่ยวไทย กระจายรายได้ทุกจว.

วันนี้ (28 มกราคม 2562 ) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้จัดรายการกู๊ด มันเดย์ (Good Monday) รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร “EP.3 ชวนโลกมาเที่ยวไทย กระจายรายได้ทุกจังหวัด” นับเป็นการจัดรายดังกล่าวทุกวันจันทร์เป็นครั้งที่ 3

นายท้กษิณ กล่าวว่า เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยังไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก ประเด็นสำคัญคือ ต้องกระจายรายได้ไปถึงประชากรทุกระดับและสร้างให้ไทยเป็นฮับด้านการบินของภูมิภาค เพื่อที่การท่องเที่ยวไทยจะกลายเป็น Growth Engine ที่แข็งแรง สามารถกระจายรายได้สู่ชุมชนจนสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวระบุว่า

“สวัสดีครับ พี่น้องที่เคารพรักครับ วันนี้พบกันเป็น Episode ที่ 3 ตอนแรกว่าเอ๊ะจะพูดเรื่องอะไรดี แต่ไปตื่นเต้นข้อมูลรายงานของ World Bank ของธนาคารโลกที่ประเมินว่าปี 2028 เนี่ยประเทศไทยสามารถที่จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 5.9 ล้านล้านบาท หรือจะเป็นประมาณ 28.2 % ของ GDP หรือของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศเนี่ย ซึ่งปัจจุบันเรามีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3.47 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 22% ของ GDP ก็หมายความว่าอีก 10 ปี ไม่ถึงดี เราจะมีรายได้กระโดดขึ้นมา และมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนมากมาย ฟังแล้วตัวเลขมันดีครับ แต่ถามว่าจะให้เป็นอย่างนั้นเนี่ยมันต้องทำอะไรอีกเยอะเลย อีกเยอะเลยครับ เพราะไม่งั้นเรารองรับนักท่องเที่ยวแบบนั้นไม่ได้ จะรองรับได้ต้องไปอีกเยอะ ผมก็เลยจะมาพูดว่าแล้วที่สำคัญคือ มันช่วยเศรษฐกิจด้วย เพราะมันเป็นประมาณ เกือบ 30% ของ GDP ต้องทำให้รายได้เหล่านี้ลงไปถึงประชาชนข้างล่าง ถ้าลงได้จริง ประเทศเราจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ และมีประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น นั่นเป็นสิ่งที่เป็นโจทย์ใหญ่ที่เราต้องตอบ

ถ้าเริ่มต้นเนี่ย ผมก็อยากจะยกตัวอย่างอันนึง ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวที่สูงมาก คือดูไบ เมืองดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดูไบเขาใช้เครื่องมือทุกอย่าง ว่าจะดึงคนมาที่ดูไบอย่างไร แล้วดึงมาแล้วจะให้อยู่นานอย่างไร จะให้ใช้ตังค์อย่างไร เขาทำกันเป็นกระบวน เป็นขั้นเป็นตอน นั่นคือว่าเขามียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และก็มีการให้อำนาจในการจัดการอย่างชัดเจน

ยกตัวอย่างเช่น เอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เป็นสายการบินที่กลายเป็นใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อประมาณสัก ถ้าผมจำ ค.ศ. ไม่ผิดคือประมาณ 1983 ประมาณสัก 30 กว่าปีที่แล้ว เขาเริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียนแค่ 10 ล้านเหรียญ แล้วเครื่องบินที่มาเปิด เที่ยวบินปฐมฤกษ์ เช่ามาจาก ปากีสถาน แอร์ไลน์ 2 ลำ แต่วันนี้เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มี 380 เยอะที่สุดในโลก

เขาดึง เขากระจายการบินไปทั่วโลก แล้วให้ดูไบเป็นศูนย์กลาง ใครจะไปไหนก็ผ่านดูไบ แล้วเขาก็มีแรงจูงใจว่า ถ้าแวะตั๋วถูกลง ถ้าแวะหลายวันหน่อย ยิ่งตั๋วถูกลง สมมุติว่าคนไปเที่ยวดูไบ ถ้าจองตั๋ว 2 วัน กับ 4 วัน ตั๋ว 4 วันกลับ ถูกกว่า 2 วันกลับ เพราะว่าจะเป็นแรงจูงใจให้คนได้อยู่นาน ได้ไปช่วยโรงแรมนะครับ เพราะงั้นระบบการท่าอากาศยานก็ดี ระบบอะไรหลายๆ อย่างมันไปอยู่กับเอมิเรตส์ แอร์ไลน์หมด เดี๋ยวผมจะกลับมาพูดถึงของเรา

โรงแรมก็เกิดขึ้นมากขึ้น แล้วเขาก็ไปสร้าง man-made หรือสิ่งที่ดึงดูดท่องเที่ยว เช่น สวนสนุกบ้าง ศูนย์การค้าบ้างอะไรบ้าง ก็พยายามทำตามกฎประชากร เป็นประเทศที่มีประชากรน้อย แต่ว่าดึงประชากรจากทั้งโลกมาช่วยสร้างเศรษฐกิจ อันนี้คือเทคนิคที่เขาใช้ แม้กระทั่งเรื่องของประชากร เขาไม่มีคนทำงานในภาคบริการมาก เขาก็ให้วีซ่ากับคนที่จะมาทำงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือที่เมืองดูไบเนี่ยได้ง่ายมาก คือ ให้มาทำงาน คนของเขามีหน้าที่กู้แบงก์ลงทุน แล้วก็คนต่างชาติมีหน้าที่มาทำงานให้เขา แล้วก็ภาคบริการเนี่ยก็ขยายอย่างรวดเร็วมาก วันนี้คนไปดูไบใช้เงินเป็นอันดับ 1 ของโลก คือ เฉลี่ยต่อคน นี่คือรายงานของ             มาสเตอร์การ์ด หรือบริษัทเครดิตการ์ด

ทีนี้ของเราเนี่ยถ้าอยากได้นักท่องเที่ยวเยอะขนาดนั้นเนี่ย ปัญหาคือสนามบิน วันนี้สุวรรณภูมิที่เราสร้างไว้เนี่ย รองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี แต่วันนี้เนี่ยเราใช้ไป 60 กว่าล้านคนแล้ว เราใช้เกิน 62.8 ล้านคน ดอนเมืองเราสร้างไว้ 30 ล้าน ตอนนี้ ใช้ไป 40.5 ล้าน ภูเก็ตสร้างไป 12.5 ล้าน ใช้ไป 18.2 ล้าน เชียงใหม่ 8 ล้าน     ใช้ไป 10.8 ล้าน นั่นคือวันนี้ สนามบินที่มีอยู่ในประเทศไทย เล็กไปสำหรับการท่องเที่ยวในปัจจุบันแล้ว

ทีนี้เราอยากเร่งให้มีรายได้มากขึ้น ก็ต้องขยายสนามบินมากขึ้น สนามบินสุวรรณภูมิเนี่ย ตอนที่ผมทำไว้ แพลนไว้ว่าจะสร้างมิดฟิลด์คองคอร์ด และก็สร้างเทอมินอลที่ 2 แล้วก็ทำถนนจ่อมาแล้วทางด้านใต้นะครับที่มาจากทางบางนาตราด มันช้าไปหน่อย แล้วรันเวย์ที่ 3 เนี่ยก็ถมไว้แล้ว อัดดินอัดแน่นไปแล้ว ก็เหลือแค่ทำรันเวย์ ก็ช้าไปหน่อย ถ้าเราเร็วขึ้นเนี่ย มันจะทำให้เรารองรับเที่ยวบินเข้ามาเมืองไทยได้เยอะขึ้น วันนี้มีเที่ยวบินอยากเข้าเมืองไทยเยอะ

ที่ดูไบเขาทำไงรู้ไหมฮะ ร้านอาหารในดูไบ ยกตัวอย่างๆ La Petite Maison มีหลายสาขาทั่วโลก แต่ที่ดูไบอร่อยที่สุด เพราะระบบการนำเข้าวัตถุดิบมันสดตลอดเวลา เพราะเนื่องจากว่าเครื่องบินมันมาจากทุกแห่งทั่วโลก และมันมาแวะที่ดูไบ คือ Belly cargo คือหมายถึงว่า การขนส่งของผ่านใต้ท้องเครื่องบิน มันมีมาจากทุกแห่ง เพราะฉะนั้นของจะสด เพราะฉะนั้นเมืองไทยก็เหมือนกัน เรานอกจากจะเอาของเข้าและของออกด้วย เราสามารถเอาสินค้าเกษตรออก ถ้ายิ่งเรามีเที่ยวบินมาเยอะๆ การใช้บริการ Belly cargo คือ ติดท้องเครื่องบินโดยสารไปด้วย จะทำได้เยอะ ถี่ เร็ว นะครับ ผลพลอยได้ มันมีเยอะ

เพราะฉะนั้นของเรามีจุดอ่อนอีกอันนึงก็คือ การท่ากับการบินไทย ตอนนั้นผมอยากสร้างการบินให้ผงาด อยู่ในสุวรรณภูมิ เป็น home-base ลงมาเห็นความยิ่งใหญ่ของการบินไทย แต่ปรากฏว่า การทำงานร่วมกันระหว่างการบินไทยกับการท่าอากาศยานเนี่ย มันอ่อนไปหน่อย มันขาดความร่วมมือที่ดี เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะเป็น hub หรืออยากเป็นศูนย์กลางการบิน เราจะต้องจัดเวลาเที่ยวบินมาถึงและออกต่ออีกชั่วโมง เพื่อให้การต่อเครื่องเนี่ยมันสะดวก ไม่ใช่เครื่องบินมาเช้าแล้วออกอีกทีตอนดึก คนไม่อยากมานอนเล่นอยู่สนามบินรอ มันเสียเวลา แล้วก็เหนื่อยด้วย เพราะฉะนั้นระบบการสร้างการเป็น hub เป็นศูนย์กลาง ซึ่งโดยทางภูมิศาสตร์ เราเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทางอาเซียนอยู่แล้ว ในทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เราเป็นศูนย์อยู่แล้ว แต่ทางด้านบริหาร เราไม่สามารถทำให้มันเป็นศูนย์ได้

อย่างที่ดูไบเขาเป็นศูนย์ เขาถึงเรียกว่า Middle East เป็นศูนย์กลางตรงนั้น ซึ่งมันมีหลายประเทศที่เป็นศูนย์กลางได้ แต่เขาดึงเข้ามาโดยใช้สายการบินของเขาเป็นตัวดึง เพราะฉะนั้นวิธีการบริหารการจัดการมันสร้างความแตกต่างเยอะเลย เพราะฉะนั้นการบริหารการจัดการเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไขนะครับ

นอกจากนั้นเรื่องของการรักษาความปลอดภัยก็ดี เรื่องของการสร้างระบบไอดีก็ดี เรื่องอีกที่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องของกำลังคนที่จะใช้ในภาคบริการ เราต้องการประมาณ 8 ล้าน กว่าคน 8,570,000 คน เข้ามาอยู่ในภาคบริการ ทางด้านการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะต้องเริ่มคิดว่า เราจะเทรนคนของเรายังไง จุดแข็งของการท่องเที่ยวไทยเราเนี่ย เขาบอกว่าเป็นความมีน้ำใจของคนไทยในการต้อนรับแขก เขาชอบตรงที่เราแฮปปี้ โรงแรมบริการดี สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของเมืองไทย นอกเหนือจากอาหาร นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม ธรรมชาติอะไรทั้งหลาย เดี๋ยวค่อยพูดกันเรื่องนั้น เราจะต้องสร้างคนที่ในภาคบริการให้เป็นมนุษย์พันธุ์ที่ทำงานด้านบริการได้ดี จะต้องทำอย่างไร

วันนี้เราก็ต้องถือโอกาสแล้วครับ ว่าหุ่นยนต์มันจะมาไล่คนออกจากภาค อุตสาหกรรม เราก็ต้องเอาภาคอุตสาหกรรมส่วนหนึ่งเนี่ย พัฒนาให้เป็นนายหุ่นยนต์ อีกส่วนหนึ่งเนี่ย เอามาสู่ภาคการเกษตร อีกส่วนหนึ่งเอามาสู่ภาค การบริการ มนุษย์มันมีหลายประเภท หลายนิสัย เราก็คัดมา แล้วก็เอามาเทรนได้ วันนี้ต้องคิดแล้วครับว่าจะเตรียมคนเข้าสู่ภาคบริการอย่างไร ภาคอุตสาหกรรมเรามีคนเหลือ ต่อไปเราจะเหลือคนจากภาคอุตสาหกรรม เราก็เอามาสู่ภาคบริการ แล้วภาคเกษตรเดี๋ยวคราวหน้า คราวต่อไป ผมจะพูดเรื่องภาคเกษตร ให้รู้ว่าภาคเกษตรเนี่ยมันสามารถยกระดับ ทั้งการทำผลผลิต ยกระดับของการทำการเกษตร และยกระดับของคนที่ทำภาคการเกษตรได้ เพราะฉะนั้นเนี่ย ตรงนี้ต้องยกระดับคนเข้ามาสู่ในภาคบริการ โดยดึงมาจากภาคอื่นที่จะมีการเหลือ

ในอนาคตข้างหน้า แม้กระทั่งภาคการบริการด้านอื่นๆ เช่น ภาคธนาคาร คนในธนาคารก็จะเหลือ แน่นอนครับต่อไปข้างหน้า ออนไลน์แบงก์กิ้งมันเข้ามาแรงขึ้น ใช้กันมากขึ้น ในที่สุดผลสุดท้ายก็จะใช้คนพนักงานแบงก์น้อยลงไป จะต้องมีการ lay off พนักงานแบงก์อีกเป็นหมื่นๆ คน ตอนนี้ภาคบริการน่าจะเปิดรับได้กว้างขึ้นถ้าหากว่าเรามีการจัดบริหารให้ดีนะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องคนก็เป็นเรื่องสำคัญ

อีกอันที่เราบอกว่าจะกระจายรายได้ไปสู่ระดับล่างได้ไง นั่นก็คือเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยี และ Business Model ที่เราเรียกกันว่า sharing economy เหมือนกับ UBER ก็ดี เหมือน Airbnb ก็ดี เราสามารถที่จะจัดโฮมสเตย์ทำเป็นเว็ปไซต์เหมือนกับ Airbnb เพื่อจะแยกกลุ่มว่า ใครจะไปเที่ยวชนบท ประเภทไหน อยู่ในกลุ่มนี้ ประเภทไหนอยู่ในกลุ่มนี้เช่น ประเภท ซี ซัน แซนด์ ก็โฮมสเตย์ก็อยู่แถวบ้าน แถว ซี ซัน แซนด์ ก็คือ เที่ยวชายหาด ดูทราย ดูแสงแดดอะไรพวกนี้นะฮะ ก็คือทะเล

อีกประเภทนึงบอกว่าอยากไปด้านธรรมชาติทางภูเขา ก็ไปทางเหนือ อีกประเภทนึงก็คือว่าอยากจะไปอยู่กับชาวบ้าน ไปดูวิถีชีวิต เช่น ไปดูว่าเขาจะทำนาอย่างไร เกี่ยวข้าวอย่างไร ก็ไปอยู่แถวร้อยเอ็ด แถวอะไรพวกนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้อย่าให้รายได้มันกระจุกอยู่ไม่กี่จังหวัด กระจายออกไป และให้สนามบินต่างๆ ที่บางที่เนี่ยได้ใช้เป็นที่ปลูกหญ้าเลี้ยงวัวไปแล้ว ก็ต้องเอามาฟื้น และให้การท่องเที่ยวมันกระจายออกไปสู่ชนบท เพราะว่าจำนวนนักท่องเที่ยวมันมีมากพอแล้ว ต่อไปจะมากขึ้นไป ซึ่งผมเคยพูดไว้ว่าเราต้องทำให้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเท่ากับจำนวนประชากรของเรา มันเป็นไปได้แล้วนะครับ ที่ World Bank พูดถึงปี 2028 และวันนี้ถ้าดูยอดคนมาเที่ยว อย่างคนอินเดียมีตั้งพันสามสี่ร้อยล้านคน เพิ่งมาล้านสี่แสนคนเอง เพราะงั้นมันยังดึงมาได้อีกเยอะ เที่ยวได้อีกเยอะ

เพราะฉะนั้นเราจะต้องปรับปรุง เตรียมการเรื่องการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ถ้าให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่พอนะครับ แล้วก็ต้องมียุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ไปถึงเรื่องของการกระจายลงไปให้นักท่องเที่ยวไม่ว่าไทยหรือต่างชาติ

ในที่สุดมนุษย์มันอยู่กับชีวิตที่เหนื่อย ที่แข่งขัน ที่เครียดมาเยอะ บางคนได้ตังค์แล้วก็ไม่รู้ว่า..ใช้ไม่เป็นนะครับ ก็ดูบางคนก็อยากจะกลับไปสู่ธรรมชาติ คือ Back to nature กลับไปสู่สภาพที่แท้จริงของความเป็นมนุษย์ ก็อยากจะไปเห็นไปสัมผัสวิถีชีวิต สิ่งเหล่านี้อีกหน่อยจะเป็นการท่องเที่ยวที่ดึงคนไปได้เยอะ อย่างวันก่อน มีคนส่งรูปมาให้อย่าง Bill Gates เศรษฐี อันดับต้นๆ ของโลกไปยืนเข้าคิว แต่งตัวธรรมดาๆ เข้าคิวซื้อแฮมเบอเกอร์ อยู่ที่เมือง Seattle ก็เป็นเรื่องที่ให้เห็นว่า ในที่สุด มนุษย์ก็คือมนุษย์ อย่าไปคิดว่าคนมีตังค์เป็นเทวดา มนุษย์ก็คือมนุษย์อยู่ดี เพราะงั้นในที่สุดมนุษย์จะมีความสุขได้ต้องมีความสุขแบบมนุษย์ ถ้ามนุษย์คิดว่าจะมีความสุขแบบเทวดา ไม่มีทางมีความสุข เพราะเราไม่ใช่เทวดา มนุษย์ต้องมีความสุขแบบมนุษย์ถึงจะมีความสุข นั่นคือสิ่งที่มนุษย์เริ่มแสวงหาความสุขที่แท้จริง ก็จะไปค้นคว้าอะไรต่างๆ เยอะ

ประเทศไทยเรามีความพร้อมในสิ่งเหล่านี้จริงๆ งั้นต้องจัดและบริหารให้ดี วันนี้ ผมคิดว่าเดี๋ยวผมจะมาพูดต่อเพราะว่าเรื่องท่องเที่ยวมันมีเรื่องยาว แต่วันนี้เราพูดกว้างๆ แค่นี้ก่อน แล้วก็คราวหน้ามีเวลา ก็จะพูดต่อและก็พูดเรื่องการย้ายผู้คนจากภาคต่างๆ ที่อาจจะล้นงาน หรือที่ต้องปรับตัวเข้าสู่เรื่องที่โลกเปลี่ยนแปลงไปเนี่ยอย่างไร เราก็จะมาคุยกันต่อนะครับ วันนี้ผมขออนุญาต เอาสั้นๆ แค่นี้ก่อนครับ สวัสดีครับ”

ที่ดูไบเขาทำไงรู้ไหมฮะ ร้านอาหารในดูไบ ยกตัวอย่างๆ La Petite Maison มีหลายสาขาทั่วโลก แต่ที่ดูไบอร่อยที่สุด เพราะระบบการนำเข้าวัตถุดิบมันสดตลอดเวลา เพราะเนื่องจากว่าเครื่องบินมันมาจากทุกแห่งทั่วโลก และมันมาแวะที่ดูไบ คือ Belly cargo คือหมายถึงว่า การขนส่งของผ่านใต้ท้องเครื่องบิน มันมีมาจากทุกแห่ง เพราะฉะนั้นของจะสด เพราะฉะนั้นเมืองไทยก็เหมือนกัน เรานอกจากจะเอาของเข้าและของออกด้วย เราสามารถเอาสินค้าเกษตรออก ถ้ายิ่งเรามีเที่ยวบินมาเยอะๆ การใช้บริการ Belly cargo คือ ติดท้องเครื่องบินโดยสารไปด้วย จะทำได้เยอะ ถี่ เร็ว นะครับ ผลพลอยได้ มันมีเยอะ

เพราะฉะนั้นของเรามีจุดอ่อนอีกอันนึงก็คือ การท่ากับการบินไทย ตอนนั้นผมอยากสร้างการบินให้ผงาด อยู่ในสุวรรณภูมิ เป็น home-base ลงมาเห็นความยิ่งใหญ่ของการบินไทย แต่ปรากฏว่า การทำงานร่วมกันระหว่างการบินไทยกับการท่าอากาศยานเนี่ย มันอ่อนไปหน่อย มันขาดความร่วมมือที่ดี เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะเป็น hub หรืออยากเป็นศูนย์กลางการบิน เราจะต้องจัดเวลาเที่ยวบินมาถึงและออกต่ออีกชั่วโมง เพื่อให้การต่อเครื่องเนี่ยมันสะดวก ไม่ใช่เครื่องบินมาเช้าแล้วออกอีกทีตอนดึก คนไม่อยากมานอนเล่นอยู่สนามบินรอ มันเสียเวลา แล้วก็เหนื่อยด้วย เพราะฉะนั้นระบบการสร้างการเป็น hub เป็นศูนย์กลาง ซึ่งโดยทางภูมิศาสตร์ เราเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทางอาเซียนอยู่แล้ว ในทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เราเป็นศูนย์อยู่แล้ว แต่ทางด้านบริหาร เราไม่สามารถทำให้มันเป็นศูนย์ได้

อย่างที่ดูไบเขาเป็นศูนย์ เขาถึงเรียกว่า Middle East เป็นศูนย์กลางตรงนั้น ซึ่งมันมีหลายประเทศที่เป็นศูนย์กลางได้ แต่เขาดึงเข้ามาโดยใช้สายการบินของเขาเป็นตัวดึง เพราะฉะนั้นวิธีการบริหารการจัดการมันสร้างความแตกต่างเยอะเลย เพราะฉะนั้นการบริหารการจัดการเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไขนะครับ

นอกจากนั้นเรื่องของการรักษาความปลอดภัยก็ดี เรื่องของการสร้างระบบไอดีก็ดี เรื่องอีกที่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องของกำลังคนที่จะใช้ในภาคบริการ เราต้องการประมาณ 8 ล้าน กว่าคน 8,570,000 คน เข้ามาอยู่ในภาคบริการ ทางด้านการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะต้องเริ่มคิดว่า เราจะเทรนคนของเรายังไง จุดแข็งของการท่องเที่ยวไทยเราเนี่ย เขาบอกว่าเป็นความมีน้ำใจของคนไทยในการต้อนรับแขก เขาชอบตรงที่เราแฮปปี้ โรงแรมบริการดี สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของเมืองไทย นอกเหนือจากอาหาร นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม ธรรมชาติอะไรทั้งหลาย เดี๋ยวค่อยพูดกันเรื่องนั้น  เราจะต้องสร้างคนที่ในภาคบริการให้เป็นมนุษย์พันธุ์ที่ทำงานด้านบริการได้ดี จะต้องทำอย่างไร

วันนี้เราก็ต้องถือโอกาสแล้วครับ ว่าหุ่นยนต์มันจะมาไล่คนออกจากภาค อุตสาหกรรม เราก็ต้องเอาภาคอุตสาหกรรมส่วนหนึ่งเนี่ย พัฒนาให้เป็นนายหุ่นยนต์ อีกส่วนหนึ่งเนี่ย เอามาสู่ภาคการเกษตร  อีกส่วนหนึ่งเอามาสู่ภาค  การบริการ มนุษย์มันมีหลายประเภท หลายนิสัย เราก็คัดมา แล้วก็เอามาเทรนได้ วันนี้ต้องคิดแล้วครับว่าจะเตรียมคนเข้าสู่ภาคบริการอย่างไร ภาคอุตสาหกรรมเรามีคนเหลือ ต่อไปเราจะเหลือคนจากภาคอุตสาหกรรม เราก็เอามาสู่ภาคบริการ แล้วภาคเกษตรเดี๋ยวคราวหน้า คราวต่อไป ผมจะพูดเรื่องภาคเกษตร ให้รู้ว่าภาคเกษตรเนี่ยมันสามารถยกระดับ ทั้งการทำผลผลิต ยกระดับของการทำการเกษตร และยกระดับของคนที่ทำภาคการเกษตรได้ เพราะฉะนั้นเนี่ย ตรงนี้ต้องยกระดับคนเข้ามาสู่ในภาคบริการ โดยดึงมาจากภาคอื่นที่จะมีการเหลือ

ในอนาคตข้างหน้า แม้กระทั่งภาคการบริการด้านอื่นๆ เช่น ภาคธนาคาร คนในธนาคารก็จะเหลือ แน่นอนครับต่อไปข้างหน้า ออนไลน์แบงก์กิ้งมันเข้ามาแรงขึ้น ใช้กันมากขึ้น ในที่สุดผลสุดท้ายก็จะใช้คนพนักงานแบงก์น้อยลงไป จะต้องมีการ lay off พนักงานแบงก์อีกเป็นหมื่นๆ คน ตอนนี้ภาคบริการน่าจะเปิดรับได้กว้างขึ้นถ้าหากว่าเรามีการจัดบริหารให้ดีนะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องคนก็เป็นเรื่องสำคัญ

อีกอันที่เราบอกว่าจะกระจายรายได้ไปสู่ระดับล่างได้ไง นั่นก็คือเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยี และ Business Model ที่เราเรียกกันว่า sharing economy เหมือนกับ UBER ก็ดี เหมือน Airbnb ก็ดี เราสามารถที่จะจัดโฮมสเตย์ทำเป็นเว็ปไซต์เหมือนกับ Airbnb เพื่อจะแยกกลุ่มว่า ใครจะไปเที่ยวชนบท ประเภทไหน อยู่ในกลุ่มนี้ ประเภทไหนอยู่ในกลุ่มนี้เช่น ประเภท ซี ซัน แซนด์ ก็โฮมสเตย์ก็อยู่แถวบ้าน แถว ซี ซัน แซนด์ ก็คือ เที่ยวชายหาด ดูทราย ดูแสงแดดอะไรพวกนี้นะฮะ ก็คือทะเล

อีกประเภทนึงบอกว่าอยากไปด้านธรรมชาติทางภูเขา ก็ไปทางเหนือ  อีกประเภทนึงก็คือว่าอยากจะไปอยู่กับชาวบ้าน ไปดูวิถีชีวิต เช่น ไปดูว่าเขาจะทำนาอย่างไร เกี่ยวข้าวอย่างไร ก็ไปอยู่แถวร้อยเอ็ด แถวอะไรพวกนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้อย่าให้รายได้มันกระจุกอยู่ไม่กี่จังหวัด กระจายออกไป และให้สนามบินต่างๆ ที่บางที่เนี่ยได้ใช้เป็นที่ปลูกหญ้าเลี้ยงวัวไปแล้ว ก็ต้องเอามาฟื้น และให้การท่องเที่ยวมันกระจายออกไปสู่ชนบท เพราะว่าจำนวนนักท่องเที่ยวมันมีมากพอแล้ว ต่อไปจะมากขึ้นไป ซึ่งผมเคยพูดไว้ว่าเราต้องทำให้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเท่ากับจำนวนประชากรของเรา มันเป็นไปได้แล้วนะครับ ที่ World Bank พูดถึงปี 2028 และวันนี้ถ้าดูยอดคนมาเที่ยว อย่างคนอินเดียมีตั้งพันสามสี่ร้อยล้านคน เพิ่งมาล้านสี่แสนคนเอง  เพราะงั้นมันยังดึงมาได้อีกเยอะ เที่ยวได้อีกเยอะ

เพราะฉะนั้นเราจะต้องปรับปรุง เตรียมการเรื่องการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ถ้าให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่พอนะครับ แล้วก็ต้องมียุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ไปถึงเรื่องของการกระจายลงไปให้นักท่องเที่ยวไม่ว่าไทยหรือต่างชาติ

ในที่สุดมนุษย์มันอยู่กับชีวิตที่เหนื่อย ที่แข่งขัน ที่เครียดมาเยอะ บางคนได้ตังค์แล้วก็ไม่รู้ว่า..ใช้ไม่เป็นนะครับ ก็ดูบางคนก็อยากจะกลับไปสู่ธรรมชาติ คือ Back to nature กลับไปสู่สภาพที่แท้จริงของความเป็นมนุษย์ ก็อยากจะไปเห็นไปสัมผัสวิถีชีวิต สิ่งเหล่านี้อีกหน่อยจะเป็นการท่องเที่ยวที่ดึงคนไปได้เยอะ   อย่างวันก่อน มีคนส่งรูปมาให้อย่าง Bill Gates เศรษฐี อันดับต้นๆ ของโลกไปยืนเข้าคิว แต่งตัวธรรมดาๆ เข้าคิวซื้อแฮมเบอเกอร์ อยู่ที่เมือง Seattle ก็เป็นเรื่องที่ให้เห็นว่า ในที่สุด มนุษย์ก็คือมนุษย์  อย่าไปคิดว่าคนมีตังค์เป็นเทวดา มนุษย์ก็คือมนุษย์อยู่ดี เพราะงั้นในที่สุดมนุษย์จะมีความสุขได้ต้องมีความสุขแบบมนุษย์ ถ้ามนุษย์คิดว่าจะมีความสุขแบบเทวดา ไม่มีทางมีความสุข เพราะเราไม่ใช่เทวดา มนุษย์ต้องมีความสุขแบบมนุษย์ถึงจะมีความสุข นั่นคือสิ่งที่มนุษย์เริ่มแสวงหาความสุขที่แท้จริง ก็จะไปค้นคว้าอะไรต่างๆ เยอะ

ประเทศไทยเรามีความพร้อมในสิ่งเหล่านี้จริงๆ งั้นต้องจัดและบริหารให้ดี วันนี้ ผมคิดว่าเดี๋ยวผมจะมาพูดต่อเพราะว่าเรื่องท่องเที่ยวมันมีเรื่องยาว แต่วันนี้เราพูดกว้างๆ แค่นี้ก่อน แล้วก็คราวหน้ามีเวลา ก็จะพูดต่อและก็พูดเรื่องการย้ายผู้คนจากภาคต่างๆ ที่อาจจะล้นงาน หรือที่ต้องปรับตัวเข้าสู่เรื่องที่โลกเปลี่ยนแปลงไปเนี่ยอย่างไร เราก็จะมาคุยกันต่อนะครับ วันนี้ผมขออนุญาต เอาสั้นๆ แค่นี้ก่อนครับ สวัสดีครับ”