“อัศวิน” สายตรงจาก ตปท. สั่ง “รองผู้ว่าฯกทม.” เร่งเคลียร์ฝุ่น PM2.5

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 28 มกราคม นางจินดารัตน์ ชโยธิน ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหาร กทม. ว่าในที่ประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ซึ่งมีนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธาน ได้มีการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่ากองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. และสถานีตรวจคุณภาพอากาศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในช่วงเช้า ซึ่งค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ตรวจวัดได้ 42-59 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบมีค่าเกินมาตรฐานกำหนดไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. รวม 7 บริเวณ ได้แก่ 1.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ซอยลาดพร้าว 95 วัดได้ 55 มคก./ลบ.ม. 2.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก 57 มคก./ลบ.ม. 3.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ 51 มคก./ลบ.ม. 4.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ 55 มคก./ลบ.ม. 5.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน 55 มคก./ลบ.ม. 6.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม 59 มคก./ลบ.ม. และ 7.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด 52 มคก./ลบ.ม.

“ขณะที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของ คพ. พบมี 2 พื้นที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน คือ 1.เขตวังทองหลาง บริเวณสถานีตำรวจนครบาล (สน.) โชคชัย ริมถนนลาดพร้าว 53 มคก./ลบ.ม. และ 2.เขตวังทองหลาง แขวงพลับพลา 56 มคก./ลบ.ม. โดย คพ.แจ้งว่าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ แต่พบว่าสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นจากเมื่อวันที่ 27 มกราคม” นางจินดารัตน์กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่ คพ.เสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขฝุ่นละออง PM2.5 โดยให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.ประกาศกำหนดให้เขตที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานเป็นพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งปัจจุบันติดราชการที่ต่างประเทศ และจะเดินทางกลับในวันที่ 29 มกราคมนี้

อย่างไรก็ตาม นางจินดารัตน์ กล่าวว่า พล.ต.อ.อัศวิน ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ผู้ว่าฯ กทม.มอบหมายให้ นายจักกพันธุ์สั่งการเร่งด่วนไปยัง 50 เขต เพื่อให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขฝุ่นละออง ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น การฉีดละอองน้ำ การล้างและทำความสะอาดถนน รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วย

ทั้งนี้ นางจินดารัตน์ กล่าวว่า ภายหลังเกิดอุบัติเหตุเครนก่อสร้างถล่มย่านถนนพระราม 3 เมื่อวันที่ 23 มกราคม ล่าสุด นายจักกพันธุ์ยังสั่งการให้ทุก 50 เขต เพิ่มมาตรการเข้มงวดตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2549 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดปัญหาฝุ่นละอองไปพร้อมกัน โดยทุกบริษัทที่ทำโครงการขนาดใหญ่ยื่นแผนก่อสร้างให้สำนักการและสำนักงานเขตทราบก่อนการดำเนินการ อีกทั้ง ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบให้การก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐาน

 

 


ที่มา : มติชนออนไลน์