กระทรวงต่างประเทศออกแถลงการณ์กรณี ‘ฮาคีม’ ย้ำไทยไม่มีอคติ แต่กระบวนการทางกม.ย้อนกลับไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ออกคำแถลงเรื่อง นายฮาคีม อัล อาไรบี กับปัญหาระหว่างออสเตรเลียกับบาห์เรน ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 ความว่า

1.ประเทศไทยไม่รู้จักนายฮาคีม ไม่มีอคติต่อตัวบุคคลและคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการมาไทยจนถูกคุมตัวจับกุมของนายฮาคีม หากไม่ใช่ตำรวจสากล(อินเตอร์โพล)ของออสเตรเลียที่ได้แจ้งเตือนเรื่องหมายแดงของนายฮาคีมแต่แรก ซึ่งไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอน คือ ให้จับเพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน และหากทางการบาห์เรนไม่ได้มีคำร้องขออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลให้จับกุมนายฮาคีมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน

2. ทางการออสเตรเลียใช้เวลาหลายวันหลังจากที่นายฮาคีมเดินทางถึงไทยในการแจ้งยกเลิกหมายแดงของตน ซึ่งในขณะนั้นกระบวนการทางกฎหมายในไทยได้เริ่มขึ้นแล้วและไม่สามารถย้อนกลับได้

3. ขณะนี้เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ในการเดินตามขั้นตอนของกฎหมาย ฝ่ายบริหารไม่สามารถแทรกแซงฝ่ายตุลาการได้ซึ่งเป็นหลักสากลและเชื่อว่าออสเตรเลียก็ยึดถือหลักการนี้เช่นเดียวกัน

4. ขออย่าได้ด่วนสรุปว่าไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรน เรื่องนี้ศาลจะพิจารณาตามหลักฐานที่มีอยู่ซึ่งมีพื้นฐานจากหมายจับ/หมายศาลของบาห์เรน เมื่อเขาหนีความผิดตามกฎหมายของประเทศบาห์เรนมา และบาห์เรนได้ขอให้คุมตัวเมื่อมาไทย พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานทางกม.ให้ฝ่ายไทย พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้ จึงดำเนินการต่อไปแล้ว

5. ขณะเดียวกันศาลไทยพร้อมรับหลักฐานทุกชิ้นทุกชนิดที่เป็นข้อเท็จจริงและเป็นธรรมต่อนายฮาคีมที่ทนายของนายฮาคีมจะนำส่งให้ศาลพิจารณา

6. ไม่มีส่วนใดของไทยที่จะได้ประโยชน์จากการควบคุมตัวนายฮาคีม แต่ในฐานะรัฐอธิปไตยที่มีพันธะทางกฎหมายและความถูกต้องต่อสังคมโลก ไทยได้มาพบว่าเพื่อนที่ดีของไทย 2 ประเทศเกิดแย่งตัวบุคคลคือนายฮาคีมที่มาประเทศไทย ในภาวะดังกล่าวไทยมีทางเดินอันชอบธรรมเพียงว่า (1) ให้ความร่วมมือทางด้านกม.และ (2) เสนอแนะให้เพื่อนที่ดีทั้งสองนี้ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย หันหน้าหารือ หาทางออกในปัญหาซึ่งเป็นของตนเองเสีย แทนการผลักดันหาทางออกทางอ้อมจากไทยซึ่งเผอิญจับพลัดจับผลูมาอยู่ในภาพของประเด็นปัญหานี้ซึ่งเพื่อน 2 ประเทศของไทยมีระหว่างกันมาแต่ก่อน

7. การขอให้ออสเตรเลียกับบาห์เรนคุยกัน หาทางออกร่วมกัน จึงเป็นท่าทีโดยชอบธรรมของไทย และไม่ว่าแนวทางออกร่วมกันดังกล่าวจะมาในรูปแบบใด ไทยก็ยินดีจะช่วยส่งเสริมให้เป็นจริงและบรรลุผลสัมฤทธิที่เป็น win-win

8. ไทยหวังว่าทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนจะมีมิตรไมตรีที่ดีเพียงพอที่จะร่วมกันหาทางออกของเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ หากผลลัพธ์เป็น win-win เชื่อได้แน่นอนว่า คนไทยและผู้คนในภาคส่วนต่างๆ ของโลกที่รับรู้เรื่องนี้จะสรรเสริญทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนอย่างแน่นอน