เริ่มแล้ว! “อะเมซิ่ง ไทยเเลนด์ แบรนด์ฯ” รวมงานมาสเตอร์พีซจากซุปเปอร์เแบรนด์

วันที่ 12 ก.พ. 62 คลัสเตอร์เเฟชั่นเเละไลฟ์สไตล์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย เเละภาคเอกชน จัดงาน “อะเมซิ่ง ไทยเเลนด์ แบรนด์ เมด อิน ไทยเเลนด์ แอท ไอคอนสยาม” ที่ลานเจริญนคร ฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม

 

ภายในงานได้รวบรวมชิ้นงานมาสเตอร์พีซจากซุปเปอร์เเบรนด์ ของ 9 อัตลักษณ์อุตสาหกรรม ในกลุ่มของคลัสเตอร์เเฟชั่นเเละไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น อัญมณีเเละเครื่องประดับ , เครื่องสำอาง , ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร , เครื่องนุ่งห่ม , หัตถอุตสาหกรรม , สิ่งทอ , รองเท้า , หนังเเละผลิตภัณฑ์หนัง เเละผู้ผลิตเครื่องมือเเพทย์เเละสุขภาพ มาจัดเอ็กซิบิชั่น เพื่อสร้างคันทรีอิมเมจ เรื่องราวความสำเร็จเเละความภาคภูมิใจของคนไทยในรูปแบบไทยสู่สากล

สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานอุตสาหกรรมเเห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามีเเบรนด์สินค้าเเฟชั่นไทยได้รับการยอมรับเเละเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ส่งผลให้รสนิยมการบริโภคสินค้าเเฟชั่น ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมโลกตะวันออกมากยิ่งขั้น สำหรับการจัดงานในครั้งนี้เป็นการเเสดงศักยภาพของสินค้าเเฟชั่นเเละไลฟ์สไตล์ของ 9 กลุ่มอุตสาหกรรม เเละยังเป็นการตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางของฐานการผลิตสินค้าเเฟชั่นเเละไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียน

อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งภายใต้เเผนงานโครงการ “Made in Thailand” ที่สภาอุตสาหกรรมฯ พยายามยกระดับให้เป็นวาระเเห่งชาติ เพื่อทำให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ระหว่างภาครัฐเเละเอกชน ในการส่งเสริมเเละสนับสนุนให้คนไทยเกิดความภาคภูมิใจในสินค้าไทย เเละผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในคุณภาพเเละมาตรฐานของสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย

ด้านนายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ทางมิสทิน กล่าวถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ การสร้างเเบรนด์ เเละบันไดสู่ความสำเร็จว่า มิสทีนก่อตั้งขึ้นในปี 1988 เเละเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้เป็นเเบรนด์ที่มีมูลค่า เเละได้รับการยอมรับ ทั้งตลาดไทย อาเซียน ภูมิภาคต่างๆ ของโลก

“มิสทีน มีความเชื่อว่าการสร้างเเบรนด์เป็นเรื่องสำคัญ โดยมิสทีนสร้างเเบรนด์เริ่มต้นจากคุณภาพ เครื่องสำอางที่ดี ไม่ใช่ราคาดี สีสันสวยงาม เเต่เป็นเครื่องสำอางที่ผู้บริโภคซื้อไปเเล้ว กลับมาซื้อใหม่ เรามีคนกลับมาซื้อกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เเละมีคนกลับมาใช้มิสทีนอย่างต่อเนื่อง” นายดนัย กล่าวเเละว่า

ทั้งนี้เเบรนด์ยังต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี สิ่งสำคัญไม่ใช่เเค่สร้างภาพลักษณ์ เเต่เป็น “Made in Thailand” ซึ่งมิสทีนผลิตในไทย ภายใต้นักวิจัย ทำให้มิสทันมีมูลค่า นักการตลาดเห็นคุณค่าของความเป็นเมดอินไทยเเลนด์

สำหรับ Thainess คือความเป็นไทยเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ โดย มิสทีน ยึดหลักการบริการที่อบอุ่น ตนให้ความสำคัญกับน้อง ๆ ที่อยู่ในร้าน ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นคนไทย ต่างชาติ ต้องเริ่มทักทายด้วยการสวัสดี จบด้วยการไหว้ขอบคุณ ตรงนี้มีมูลค่ามาก เรื่องราวความเป็นไทยทำให้เเบรนด์มีมูลค่ามากขึ้น

นอกจากนี้ การมีกลิ่นอายของความเป็นไทย อย่างในหลายผลิตภัณฑ์ของมิสทีน มีของมาจากไทย เช่น ฟักข้าว มะหาด ที่มีเเค่ในไทยเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เราเผยเเพร่ความเป็นไทยออกสู่สากล

“วันนี้มิสทีนยังไปอยู่ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน เช่น เมียนมา เราเชิญเมกอัพอาร์ทติสคนไทย เสนอเทคนิคการเเต่งหน้า ในกิจกรรม บิวตี้กูรู ในเมียนมา เพื่อส่งเสริมเเละสร้างเเบรนด์ไทยในตลาดของเรา รวมไปถึงยังมีเเบรนเเอมบาสเดอร์ เป็นคนท้องถิ่น อย่างนักเเสดงจีน ทำให้ลูกค้าที่นู่นเกิดความรักในตัวเเบรนด์” นายดนัย กล่าวทิ้งท้าย

นายสุริยน ศรีอรทัยกุล ประธานคลัสเตอร์เเฟชั่น เเละไลฟ์สไตล์ สภาอุตสาหกรรมเเห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นับเป็นความภาคภูมิใจของผู้ประกอบการไทย เพราะงานนี้สร้างคันทรีอิมเมจที่ดีให้ประเทศ โดยจัดยาวทั้งสิ้น 40 วัน ตั้งเเต่วันที่ 12 ก.พ.-23 มี.ค.

โดยบรรยากาศในการเปิดงานจะพบกับชิ้นงานมาสเตอร์พีซจากซุปเปอร์เเบรนด์ ส่วนในโปรเจกต์ต่อไปนั้นได้ร่วมกับพันธมิตรในการจัดเเฟชั่นรันเวย์ยาวที่สุดกว่า 8.9 กิโลเมตร ในวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2562 โดยจะมีนางเเบบกว่า 300 คน เริ่มเดินแบบตั้งเเต่ไอคอนสยาม ขึ้นบีทีเอสไปสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอร์รี่ เเละกลับมาที่สยามพารากอน