หมอกควันภาคเหนือยังวิกฤติ! พบไฟป่ามากกว่า ‘500 จุด’ พบมากสุด ‘ลำปาง’ ด้านศูนย์ควบคุมไฟป่าเดินหน้าดับไฟลดฝุ่น

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองของภาคเหนือยังอยู่ในระดับสีส้มถึงแดง ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน ล่าสุดกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันไฟป่าภาคเหนือ ได้รายงานว่า มีการตรวจพบจุดความร้อน (Hotspot) จากการเกิดไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน จากข้อมูลดาวเทียมระบบ VIIRS ที่ตรวจวัดในเวลา 01.30 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พบการเกิดไฟป่า จำนวน 500 จุด มากสุดอันดับ 1 จังหวัดลำปาง จำนวน 121 จุด อันดับ2 จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 67 จุด อันดับ3  จังหวัดตาก จำนวน 66 จุด อันดับ4 จังหวัดน่าน จำนวน 62 จุด อันดับ5 จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 58 จุด อันดับ6 จังหวัดแพร่ จำนวน 56 จุด อันดับ7 จังหวัดลำพูนจำนวน 36 จุด อันดับ 8 จังหวัดพะเยา จำนวน 31 จุด และอันดับ9 จังหวัดเชียงราย จำนวน 3 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดลำปาง ทางอำเภอ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแม่ว่ะ ดอยจง หน่วยพัฒนาป่าไม้(กุ่มเนิ้ง) หน่วยเหยี่ยวไฟพิษณุโลก ลำปาง ศรีราชา สถานีดับไฟป่าแม่วะ เสริมงาน กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตำบลแม่ปะ และเครือข่ายประชาชนตำบลแม่วะ เจ้าหน้าที่ อบต.แม่ปะ แบ่งกำลัง 4 ชุด กำลังพลจำนวน 100 คน เข้าร่วมดับไฟป่า รวม 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ป่าห้วยฮ่อม หมู่2 ตำบลแม่ปะ จุดที่2 สันเขาเจ้าพ่อผีปันน้ำ หมู่6 ตำบลแม่ปะ จุดที่3 บริเวณสำนักสงฆ์บ้านท่ามะเกว๋น หมู่10 ตำบลแม่ปะ และจุดที่4 บริเวณวัดดอยต๊อก เขตรอยต่อ ตำบลเถินบุรี-แม่วะ

ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้เกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ในอำเภอดอยหล่อ 3 จุด หลังเกิดเหตุทางชุดดับไฟป่าได้ลงพื้นที่ดับไฟได้เรียบร้อย จากนั้นได้เข้าไปจัดทำแนวกันไฟ กำชับอาสาสมัครในพื้นที่ให้เฝ้าระวังและห้ามเผาเพื่อไม่ให้เกิดไฟป่าอีก และยังให้ อปท.นำรถน้ำเข้าไปฉีดพ่นเพิ่มความชุ่มชื้นลดฝุ่นละอองในอากาศให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่สถานีควบคุมไฟป่าอำเภออมก๋อย สบอ.16 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านน้ำดั้น ได้ร่วมกับผู้นำหมู่บ้าน ออกรณรงค์ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนเผ่า ได้รับรู้ถึงผลกระทบ และให้ชุดลาดตระเวนเพิ่มความถี่ในการออกตรวจการณ์เพื่อป้องกันและป้องปรามการเผาป่า

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ช่วงเช้า พลตรีบัญชา ดุลยพันธ์ รองแม่ทัพภาค3 ได้มีการชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในเขตชุมชน แก่ นายอำเภอ ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป้าไม้ หน่วยทหารอำเภอแม่ออน กำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อทำความเข้าใจและแนวทางการแบ่งพื้นที่และสนธิกำลังต่อทุกหน่วย ตลอดจนรับฟังแนวความคิด Single Command ระดับอำเภอและหมู่บ้าน จากแม่ออนโมเดล มุ่งเป้าทำให้พื้นที่ตรวจพบจุดความร้อนลดลง มีการส่งชุดสำรวจแหล่งน้ำ ในพื้นที่ไฟไหม้ป่าของอำเภอ และตั้งสนามขึ้นลงเฮลิคอปเตอร์ ชั่วคราว หน้าสำนักงานอำเภอแม่ออน เพื่อขึ้นปฏิบัติการ และอ่างเก็บน้ำ พิกัดอ่าง หลัง ร.ร.สหกรณ์ 2 จากนั้นได้วางแผนร่วมกับท่านนายอำเภอและชุมชน ในการนำ ฮ. MI 17 ไปทิ้งน้ำดับไฟในเทือกเขาสูง บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอแม่ออน และจัดกำลังร่วม สนธิกำลัง ในการเข้าดับไฟภาคพื้นดินด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 12.10 น. รองแม่ทัพภาคที่3 ได้นำทีมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ MI 17 ขึ้นบินไปดำเนินการตรวจภูมิประเทศ และนำทีมปฏิบัติการ ในการทิ้งน้ำ ที่บริเวณพระธาตุเจดีย์ศรีเมืองออน ม่อนผะติ๊ด ดอยแมงป่อง อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 521 เมตร ชุดปฏิบัติการภาคพื้นไม่อาจเข้าไปดับไฟป่าได้

ด้านนายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชียงใหม่ กล่าวว่า ภาพร่วมของจุดความร้อน (Hotspot) ของเชียงใหม่ ลดลงอย่างต่อเนื่อง และค่าฝุ่นละอองก็ดีขึ้น แต่ยังอยู่ในเกณฑ์เกินมาตราฐานที่กำหนด มีผลกระทบต่อสุขภาพ ขอให้ทุกหน่วยงาน ได้ประชาสัมพันธ์ เรื่องข้อควรปฏิบัติในการทำกิจวัตรประจำวัน และการดูแลรักษาสุขภาพให้แก่ประชาชนด้วย ขณะที่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงติดตามสภาพอากาศ แต่ความชื้นในอากาศยังไม่เอื้อในการขึ้นทำฝนหลวง แต่ยังคงติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องต่อไป

ส่วนที่จังหวัดลำพูนเช้านี้ ทหารได้สนธิกำลังชุดดับไฟป่า ที่เป็นการร่วมกันของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยและประชาชน เข้าร่วมดับไฟป่า พื้นที่บ้านใหม่ หมู่6 ตำบลบ้านปวง อำเภอทุ่งหัวช้าง สามารถดับไฟป่ามีพื้นที่เสียหาย 30 ไร่ และอีกพื้นที่ซึ่งเกิดไฟป่าและเข้าไปดับ คือ ที่บ้านก้อหนอง หมู่2 ตำบลก้อ อำเภอลี้ พื้นที่เสียหาย

 

ที่มา  มติชนออนไลน์