แนะรบ.ใหม่เพิ่มงบประมาณจัดการน้ำ เตือนภัยแล้งปีนี้เร็ว-รุนแรง

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า เสนอรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งเร่งลงทุนการบริหารจัดการน้ำและระบบชลประทานโดยด่วน ควรจัดสรรงบประมาณด้านนี้เพิ่มเติมไม่ต่ำกว่า 30% ในปี พ.ศ. 2562 โดยใช้หน่วยงานของกองทัพช่วยดำเนินการได้และหน่วยงานในกองทัพควรทำงานด้านการพัฒนามากขึ้นและควรเป็นภารกิจสำคัญในการช่วยเหลือรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง งบประมาณปี 62 นั้นมีการจัดสรรให้ในส่วนของของแผนงานบูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำประมาณ 128,783 ล้านบาทซึ่งตนมองว่าไม่เพียงพอสำหรับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในปีนี้และวางโครงการสำหรับอนาคต งานวิจัยบ่งชี้ว่าอนาคตการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมและภาคท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่ภาคเกษตรกรรมจะลดลงประมาณ 3-5% ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า จังหวัดในพื้นที่ท่องเที่ยวและชายทะเลนั้นมีการใช้น้ำมีการใช้น้ำมากถึง 350-500 ลิตรต่อคนต่อวัน

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้มาเร็ว น่าจะยาวนานและขยายวงมากกว่าที่คาดและแนวโน้มน่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจากภาวะโลกร้อน ภัยแล้งกระทบทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมและภาคการท่องเที่ยว สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ คณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิตคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ที่ 3.3-4% ปัจจัยผลกระทบภัยแล้งยังไม่ส่งต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ปริมาณผลผลิตข้าวนาปรัง อ้อย มันสำปะหลัง ผักผลไม้เข้าสู่ตลาดน้อยลง ดันให้ราคาสินค้าเกษตรบางตัวสูงขึ้นบ้าง อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเล็กน้อยและรายได้เกษตรกรลดลงในช่วงไตรมาสสอง กำลังซื้อในภาคชนบทอ่อนแอลง รัฐบาลควรมีนโยบายเสริมรายได้ให้เกษตรกรในช่วงดังกล่าวผ่านกลไกกองทุนหมู่บ้าน ต้นทุนน้ำในหลายเขื่อนและอ่างเก็บน้ำค่อนข้างต่ำ มีสำรองน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคถึงเดือนสิงหาคม รัฐบาลใหม่ควรศึกษาต้นทุนด้านการผลิตน้ำชลประทานและส่งเสริมให้เกษตรกรร่วมในการบำรุงรักษาระบบชลประทาน สังคมไทยใช้น้ำโดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทำให้มีการใช้น้ำอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ใช้อย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่สนใจดูแลแหล่งต้นน้ำและดูแลสิ่งแวดล้อม

นายอนุสรณ์กล่าวด้วยว่า มีความเป็นห่วงการขาดแคลนทรัพยากรน้ำในภาคตะวันออก เนื่องจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) มีการใช้น้ำจากภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมากขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะนี้พื้นที่ภาคเกษตรกรรมก็ต้องใช้น้ำจำนวนมาก การใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคก็เพิ่มขึ้นจากประชากรที่หนาแน่นขึ้นพร้อมกับการขยายตัวของการท่องเที่ยว ภาคตะวันออกนั้นมีความจำเป็นต้องพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ หากไม่แก้ไขต่อไปจะเกิดการแย่งชิงทรัพยากรน้ำขึ้นในภาคตะวันออกระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับภาคเกษตรกรรม ควรพัฒนาและลงทุนระบบการน้ำเสียมาบำบัดหมุนเวียนใช้ รณรงค์ให้มีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และ ควรศึกษาการจัดเก็บค่าน้ำสำหรับการใช้ในภาคเกษตรกรรมที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงต้นทุน ควรมีการจัดเก็บค่าน้ำในอัตราต่างกันตามความสามารถในการจ่าย ศึกษาการจัดเก็บภาษีบำบัดน้ำเสีย การจ่ายค่าน้ำและ ภาษีมลพิษน้ำ จะช่วยทำให้ทุกคนบำรุงรักษาแหล่งน้ำมากขึ้น

 


ที่มา. มติชนออนไลน์