เครือข่ายผู้ป่วยโรคเรื้อรังบุก’สปสช.’ จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาจัดซื้อยารวมระดับประเทศ

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เครือข่ายผู้ป่วยโรคเรื้อรัง นำโดย นายธนพลธ์ ดอกแก้ว ประธานชมรมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย และนายอนันต์ เมืองมูลไชย ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย และตัวแทนเครือข่ายอีกกว่า 30 คน ได้เดินทางมาที่ สปสช.เพื่อยื่นหนังสือถึง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. ขอให้ทำความชัดเจนทางกฎหมายของการบริหารจัดการจัดซื้อยารวม 7 ประเภท ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2561 และให้เสนอคณะรัฐมนตรีให้ สปสช.ดำเนินการต่อไป พร้อมทั้งยังทำหนังสือเพื่อยื่นต่อนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีอีกด้วย โดยมี นพ.ศักดิ์ชัย เป็นผู้รับเรื่องดังกล่าว

นายธนพลธ์ ดอกแก้ว ประธานชมรมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีความกังวลต่อมติของบอร์ด สปสช. ที่เตรียมให้ รพ.ราชวิถี ดำเนินการจัดซื้อยาแทนในช่วงต้นปีงบประมาณ 2561 หรือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป โดยกังวลว่า จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากมีเหตุขัดข้องหรือดำเนินการไม่ทัน จะเกิดการขาดแคลนยาทั้งประเทศ ซึ่งนั่นหมายถึงชีวิตผู้ป่วยเกือบ 400,000 คนที่ต้องอยู่บนเส้นด้ายนี้

นายธนพลธ์ กล่าวอีกว่า ยังไม่มีความชัดเจนในแง่ของกฎหมาย ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เสนอให้ขึ้นทะเบียน รพ.ราชวิถีเป็น ‘เครือข่ายหน่วยบริการ’ จัดซื้อยาแทน แต่ตามมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ระบุให้เป็นการรวมตัวของหน่วยบริการกันเอง ไม่ใช่เป็นการบังคับให้ทุกโรงพยาบาลทั้งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขต้องมาเป็น ‘เครือข่ายหน่วยบริการ’ อีกทั้งหน้าที่ของเครือข่ายหน่วยบริการตามกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดเรื่องการจัดซื้อยา ไม่เพียงเท่านั้น สตง.ยังเสนอแนะให้ สปสช.ทำผิดจากที่เคยเสนอแนะมา คือการจ่ายเงินไปก่อนที่จะเกิดบริการจริง ซึ่ง สตง.เคยชี้ว่า ทำไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวพันกับ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐฉบับใหม่ เรื่องการซื้อแทนกัน ที่ต้องรอการออกกฎกระทรวงการคลังตาม พ.ร.บ.ซึ่งต้องใช้เวลา หากเกิดปัญหาจะเกิดการขาดแคลนยาทั้งประเทศ ซึ่งนั่นหมายถึงชีวิตผู้ป่วยเกือบ 400,000 คนที่ต้องอยู่บนเส้นด้ายนี้

นายอนันต์ กล่าวว่า เดือนกรกฎาคม ปลัดกระทรวงสาธารณสุขยอมรับเองว่าไม่มีความพร้อม ผ่านมาไม่นานจะให้พวกเราเชื่อว่า รพ.ราชวิถีจะมีความพร้อมได้อย่างไร อีกทั้ง ถ้าจะให้ รพ.ราชวิถีดำเนินการได้ ต้องเตรียมการสร้างระบบจัดสรรกำลังคนใหม่ ทำให้ผู้ติดเชื้อฯ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต้องมาเสี่ยงขาดยาโดยไม่มีเหตุอันควร ดังนั้นจึงไม่สมเหตุสมผลเลยที่ไม่ให้ สปสช.ดำเนินการจัดซื้อยารวม เหมือนเช่นที่ทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปี

“เมื่อไม่มีความชัดเจนทั้งในแง่ของกฎหมายและศักยภาพประสิทธิภาพในการบริหารจัดการยา ขอให้รองนายกฯวิษณุ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขทำความชัดเจนทางกฎหมายด้วยการให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ไม่ใช่เอาความเห็นของ สตง.ที่เป็นหน่วยตรวจสอบมาตีความกฎหมายว่าทำได้หรือทำไม่ได้ โดยระหว่างนี้ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ สปสช.ดำเนินการไปดังที่เคยเป็นมาผ่านคณะกรรมการฯที่มีการแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีจนกว่าจะมีการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อให้ สปสช.สามารถสร้างกลไกเพื่อการบริหารกองทุนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” นายอนันต์ กล่าว

 


ที่มา มติชนออนไลน์