หมอจุฬาฯ เผยฝุ่นควันจากเผาป่า เผาฟืน ทำขาดออกซิเจน อันตรายเพียบ!

มอปอดเผยฝุ่นภาคเหนือจากเผาไหม้ กระทบสุขภาพทำเกิดภาวะมีนงง กลุ่มเสี่ยง ‘โรคหอบ-ถุงลมโป่งพอง’ ต้องระวัง!

เมื่อวันที่ 1 เมษายน  รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า  สาเหตุของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือนั้น มาจากการเผาป่า แตกต่างจากปัญหาฝุ่นละออง ที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และหลายจังหวัดก่อนหน้านี้ที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ อุตสาหกรรมเป็นหลักนั้น ปัจจุบันยังไม่มีการแยกว่า แต่ละสาเหตุของการเกิดฝุ่นมีผลกระทบต่อสุขภาพแตกต่างกันอย่างไร แต่จะเป็นข้อมูลรวมของการเกิดฝุ่น PM 2.5 รวมกัน จึงมีผลต่อสุขภาพเหมือนกัน แต่ในทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎีสาเหตุของการเกิดฝุ่นแตกต่างกันย่อมมีพิษต่อสุขภาพแตกต่างกัน ถ้าเป็นการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ เช่น เบนซิน อาจจะมีความกังวลว่ามีโอกาสเกิดมะเร็งในอนาคตหรือไม่

รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวต่อว่า กรณีเผาไม้ เผาฟืนนั้น หากเป็นพื้นที่เผาจริงๆ นอกจากฝุ่นละอองแล้วยังมีสารอื่นๆ เช่น คาร์บอนมอนนอกไซด์ อาจจะทำให้ขาดออกซิเจน มีโอกาสทำให้เกิดภาวะมึน งง เวียนศีรษะได้ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ใกล้หรือไกลพื้นที่นั้น เมื่ออยู่ไกลออกมาฝุ่น ควันเหล่านั้นจะมีผลกระทบทำให้เกิดการระคายเคือง แสบตา ไอ มีเสมหะเยอะ ทำให้คนไข้ที่เป็นโรคปอดอยู่แล้วมีอาการกำเริบมากขึ้น ที่ภาคเหนือในช่วงที่มีฝุ่นควันเกิดขึ้น จะพบคนไข้โรคหอบ ถุงลมโป่งพอง อาการกำเริบเฉียบพลันเยอะขึ้นชัดเจน คนไข้ที่ปอดไม่ดีก็มีโอกาสที่ปอดจะเสื่อมลงและเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ส่วนผลระยะยาวมีโอกาสจะเป็นมะเร็งหรือไม่นั้นก็ต้องเทียบเคียงอย่างอื่นด้วย เช่น ควันบุหรี่มือสองเองก็เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งชัดเจนเช่นกัน สำหรับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ไม่ว่าเกิดจากอะไรก็ให้ใช้หน้ากากอนามัย N95 ซึ่งในค่าฝุ่นที่ภาคเหนือหลายจังหวัดสูงขนาดนี้คิดว่าทุกคนที่ออกไปภายนอกบ้านก็ต้องใส่ทั้งหมด ต่อให้สภาพปอดจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ทางที่ดีควรเลี่ยงการออกไปนอกบ้านดีกว่า โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว และคนสูงอายุ

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์