อธิบดีป่าไม้นำทีม ตรวจ 6 รีสอร์ตรุกป่าเขาค้อ

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ และนางภัทรา โชว์ศรี รองผู้ว่าการตรวจเงินแผนดิน, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้, พันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดศูนย์ประสานการปฏิบัติการที่ 4 (ศปป.4) กอ.รมน, พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร, กอ.รมน.จ.เพชรบูรณ์, ทหารม.พัน 28 ฯลฯ ลงพื้นที่บริเวณกลุ่มรีสอร์ต 6 แห่งที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ เพื่อติดตามดูสภาพพื้นที่ถูกบุกรุกและติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบหาพยานหลักฐานเพิ่ม โดยนายชีวะภาพและพ.อ.พงษ์เพชรให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยชี้ให้เห็นสภาพพื้นที่มีการบุกรุกใหม่ จำเป็นต้องใช้มาตรการเชิงรุกโดยการใช้มาตรา 25 สั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดการท้าทายกฎหมายแบบนี้เพิ่มขึ้นอีก

ในขณะที่นางภัทรายังถามถึงนายทุนเจ้าของรีสอร์ตเป็นใครและทำไมจึงไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยพ.อ.พงษ์เพชรกล่าวชี้แจงว่า รู้ตัวหมดแล้วว่านายทุนเป็นใครบ้างโดยนายทุนเหล่านี้มีการเตรียมตัวรับมือเจ้าหน้าที่ไว้ค่อนข้างดี หากถูกจับกุมก็จะให้นอมินีรับเป็นผู้ต้องหาแทน จากนั้นชี้ให้ดูว่ารีสอร์ตไหนมีนายทุนที่เป็นข้าราชการหรือหมอมีเอี่ยว ส่วนนายชีวะภาพยังชี้ให้สังเกตเสาไฟฟ้ามีการขยายเขตพาดสายเข้ามาภายในรีสอร์ท พร้อมระบุว่าก่อนหน้านี้ทางกรมป่าไม้มีหนังสือถึงการไฟฟ้าขอความร่วมมือไม่ให้ขยายเขตเข้าไปในเขตพื้นที่ป่า แต่นอกจากไม่ได้รับความร่วมมือแล้วยังทำการขยายเขตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยนายชีวะภาพระบุด้วยว่า เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้มาตรการยับยั้งการบุกรุกป่าไม่ได้ผล รวมถึงออกเลขที่บ้านด้วยเช่นกัน ซึ่งนางภัทรารับปากจะประสานไปยังทางการไฟฟ้าให้

นายอรรถพลให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้มีประกาศคำสั่งขอให้หยุดก่อสร้างหลายครั้งตั้งแต่ปี 2557-2560 โดยขอให้หยุดไว้แค่นี้ก่อน เพื่อเข้าสู่ขบวนการแก้ไขปัญหาแต่ก็ไม่เชื่อฟังและยังมีการก่อสร้างเพิ่มเติมอย่างที่เห็น ฉะนั้นเราจึงยอมไม่ได้ ต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยถือว่าไม่เชื่อฟังกันและไม่เคารพกติกา หากไม่มีการดำเนินการตามกฎหมายเดี๋ยวก็จะมีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นและก็จะขยายผลไปอีกสุดท้ายก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทุกอย่างนิ่งก่อน

“ตอนนี้กระบวนการในการคัดกรองมีการแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ กลุ่มที่ราษฎรอาสาสมัครทำอยู่เดิม กลุ่มที่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือและกลุ่มที่อยู่นอกพื้นที่ ซึ่งตอนนี้มีการจัดกลุ่มไว้และจะนำเสนอแนวทางแก้ไขสู่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) ส่วนตรงไหนที่จะอนุญาตได้เลยอาทิ ราษฎรที่เคารพกติกาอันนี่จะอนุญาตให้เข้าทำ สถานที่ราชการ เช่น วัด โรงเรียนหรือสถานที่สาธารณะประโยชน์ ทางกรมป่าไม้จะเร่งอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ แต่จะเร่งรัดขบวนการการรับมอบระหว่างกรมป่าไม้กับทางกองทัพก่อน

นายอรรถพลยังตอบข้อถามว่ามีรีสอร์ตอ้างว่าไม่รู้กฎหมายว่า เป็นไปไม่ได้เพราะจากสภาพรีสอร์ตที่เห็นพบว่าผุ้ที่จะมาลงทุนตรงนี้ต้องผ่านขั้นตอนและพุดคุยหลายฝ่ายทั้งผู้ปกครองท้องที่หรือหน่วยงานของรัฐ ฉะนั้นจะบอกไม่รู้ไม่เห็นคงเป็นไปไม่ได้ ตรงนี้ก็ว่าไปตามพยานหลักฐานและเราก็มีเอกสารอ้างอิงทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับผู้สนับสนุน

เมื่อถามว่าพื้นที่ที่ถูกบุกรุกมีข้อมูลว่ามีข้าราชการอยู่เบื้องหลังด้วย อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่า อันนี้มีข้อมูลแน่นอนและการลงพื้นที่พร้อมรองผู้ว่า สตง. ก็มาพูดเน้นประเด็นส่วนราชการที่เข่ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นพยานหลักฐานอะไรก็ตามที่พาดพิงไปถึงข้าราชการและเจ้าหน้าที่ก็จะต้องถูกดำเนินการ ซึ่งจะส่งให้ทางปปช.หรือปปท.พิจารณาไปตามขั้นตอน

“ส่วนการใช้ยาแรงมาตรา 25 นั้นถือเป็นการไม่เคารพกติกา ฉะนั้นจึงต้องทำให้เห็นเพื่อให้ทุกคนไม่เอาแบบอย่าง และหลังดำเนินคดีแล้วก็จะเข้าสู่อำนาจทางปกครอง แจ้งให้ทราบก่อนแล้วจึงเข้าสู่ขบวนการรื้อถอน โดยการรื้อถอนและก็ต้องให้รื้อเอง หากไม่รื้อเองทางราชการก็จะรื้อถอนให้แต่ก็จะต้องเสียค่าจ่ายให้ทางราชการ”

เมื่อถามว่ามั่นใจหลักฐานจะสาวไปเอาผิดนายทุนตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่า ในขบวนการสอบสวนผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นทางพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการก็ต้องให้ความเป็นธรรมยุติธรรมอยู่แล้ว คงจะไปบิดพลิ้วพยานหลักฐานไม่ได้ ส่วนรีสอร์ตทั้ง 6 แห่งไม่ใช่คดีตัวอย่างแต่เป็นคดีที่ต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าการไม่เคารพกติกาโดยการทำผิดกฎหมายที่จะต้องดำเนินคดี ฉะนั้นจึงไม่ต้องมีการยกเว้นแน่นอน

“ส่วนนอมินีอยากจะเตือนเพราะถอเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดอาญา จึงอยากให้คิดให้ดีเสียก่อน หากมารับเป็นผู้ต้องหา มีทั้งโทษอาญาและโทษแพ่ง ซึ่งถูกดำเนินคดีแล้วยังถูกเรียกร้องความเสียหายอีก เพราะฉะนั้นไม่ใช่โทษเบาๆเพราะฉะนั้นให้ไตร่ตรงให้ดี และไม่ใช่หมายความว่ามีนอนิมีแล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะไม่ถูกดำเนินคดีก็ไม่ใช่ ขบวนการสอบสวนก็ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพราะฉะนั้นหนีไม่พ้น”

นายอรรถพลยังกล่าวถึงนายทุนค้าที่ดินที่อยู่เบื้องหลังการซื้อขายทิ่ดินบริเวณนี้ว่า ก็จะต้องถูกตรวจสอบด้วยเพราะการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้เป็นมูลฐานความผิดการฟอกเงินอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกและเกี่ยวข้องกับการค้า ก็จะส่งให้ทางปปง.ดำเนินการ

 

 


ที่มา มติชนออนไลน์