วันที่ 17 ส.ค. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เดินทางไปตรวจการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจในสังกัด กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ตามนโยบายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องภาพลักษณ์การอำนวยความสะดวกการตรวจหนังสือเดินทาง โดยไม่กระทบต่อหลักความมั่นคง
โดยวันนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ได้สั่งการพร้อมเน้นย้ำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานอื่นๆทั่วประเทศ ปฏิบัติตามแผนรองรับสถานการณ์ผู้โดยสารในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น และเที่ยวบินล่าช้า และยังสั่งการให้ใช้กำลังพลที่มีอยู่อย่างเต็มอัตรา เพิ่มเจ้าหน้าที่มาเสริมเวรนอกเวลาเพื่อให้เต็มทุกช่องตรวจ จัดเจ้าหน้าที่เกลี่ยผู้โดยสารไปโซนที่มีปริมาณน้อยกว่า และจัดช่องทางสำหรับกลุ่ม priority เช่น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
คนพิการ เด็กเล็ก หญิงมีครรภ์ คนชรา เพื่อไม่ให้แถวยาวสะสม ส่วนคนไทย สามารถใช้ช่องตรวจอัตโนมัติ (Automatic Channel) ซึ่งใช้เวลาเพียง 20 วินาทีได้เลย โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก อีกทั้งการนำระบบ Biometrics มาใช้ก็ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการตรวจผู้โดยสารได้มากขึ้น รวมถึงการเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น เช่น การรองรับเหตุการณ์ระงับเที่ยวบินชั่วคราวจากสภาพอากาศ
รวมทั้งกำหนดให้มีการประเมินผลหลังจากเกิดเหตุ เพื่อนำข้อบกพร่องมาปรับปรุง และพัฒนาไปสู่การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ภายหลังได้มีการรับกำลังพล จากข้าราชการตำรวจ และบุคคลภายนอก มาปฏิบัติงานเพิ่มที่สนามบิน ซึ่งได้รับการอนุมัติกรอบอัตรากำลังเพิ่ม ทำให้ขณะนี้ สตม.มีกำลังพลเพิ่มขึ้นกว่าช่องตรวจ 30% ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น พล.ต.ท.สมพงษ์ ยังได้สั่งการให้ตำรวจระดับผู้บังคับการ รองผู้บังคับการ ลงไปควบคุมดูแลการปฏิบัติและแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นโดยใกล้ชิด ซึ่งจะมีการประชุมหัวหน้าหน่วยระดับสารวัตรขึ้นไป ที่รับผิดชอบดูแลการปฏิบัติงานในสนามบินทั่วประเทศ เพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและการปฏิบัติร่วมกัน ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ส.ค.นี้ต่อไป
ที่มา : ข่าวสด