ไอเดียเจ๋ง! สกว. โชว์ประติมากรรมบนฝาท่อระบายน้ำ พลิกโฉมกรุงเทพให้งดงาม

ในช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมามีการขยายตัวของเขตเมืองอย่างรวดเร็ว การจัดการเมืองไม่ทันต่อสถานการณ์ได้ทำลายทัศนียภาพของเมืองที่เคยงดงามในอดีต ทั้งการขยายถนน ที่ได้รื้อทำลายสะพานซึ่งมีอายุกว่า 100 ปีลงมาก งานศิลปกรรมประดับตกแต่งสะพาน รวมไปถึงน้ำพุประดับตามแยกถนนสายสำคัญถูกรื้อทำลายลง และด้วยสภาพความแออัดของกรุงเทพมหานคร การจัดสรรพื้นที่ในเมืองให้เป็นที่สาธารณะใหม่ไม่ว่าจะเป็น ลานคนเมือง จัตุรัสเมือง หรือ สวนหย่อมทำได้ยาก เนื่องจากสภาพเมืองปัจจุบันจึงไม่เอื้ออำนวยต่อโครงงานประติมากรรมบนที่สาธารณะเช่นในอดีต

จึงทำให้ “กรุงเทพมหานคร” มีแนวคิด และความพยายามแทรกงานศิลปะลงบนพื้นที่เมือง โดยริเริ่มโครงการติดตั้งงานประติมากรรมถาวรตามจุดตัดของถนนหลายแห่ง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถจัดสรรพื้นที่เหมาะสมให้แก่ผลงานประติมากรรม ผลงานบางชิ้นถูกรื้อทิ้งเมื่อมีการปรับปรุงผิวจราจร บางชิ้นถูกปล่อยให้ทรุดโทรม เพราะขาดการดูแล

ปัจจุบันมีภาคธุรกิจ องค์กร และเอกชนหลายราย นำประติมากรรมมาติดตั้งหน้าอาคารสำนักงานของตัวเอง ช่วยสร้างทัศนียภาพของเมืองให้งดงามไปพร้อมกับการส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงธุรกิจขององค์กร เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการเหล่านี้มักเกิดในย่านธุรกิจสำคัญบนพื้นที่ ซึ่งเจ้าของเป็นผู้ดูแลรักษาให้งานประติมากรรมอยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ ส่วนในย่านชุมชนที่มีงานประติมากรรมติดตั้ง หากไม่อยู่ในพื้นที่ของหน่วยงานราชการมักขาดผู้ดูแลรับผิดชอบ ทำให้ผลงานเหล่านั้นเสื่อมโทรมในเวลาไม่นานและมักถูกรื้อถอนไป ผลลัพธ์ของการจัดการที่ผ่านมาชี้ชัดว่าการจัดการทัศนียภาพของเมืองขนาดมหานครโดยรัฐฝ่ายเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป การปรับปรุงภูมิทัศน์ในเมืองให้งดงามขึ้นจึงต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย

โครงการประติมากรรมบนพื้นที่สาธารณะที่จะประสบผลสำเร็จได้ ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ ศิลปิน และชุมชน ด้วยเหตุนี้เอง ฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เล็งเห็นความสำคัญของแนวคิดดังกล่าวจึงได้สนับสนุนทุนวิจัยโครงการ “การออกแบบประติมากรรมบนที่สาธารณะกับการมีส่วนร่วมของชุมชน” แก่ “รศ.จักรพันธ์ วิลาสินีกุล” อาจารย์ประจำภาควิชาประติมากรรม คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมา วิถีชีวิต และการค้าของชุมชน รวมถึงลักษณะทางศิลปกรรมของสถานที่สำคัญในอดีตและโบราณสถานที่ยังหลงเหลืออยู่ในย่านชุมชนริมคลองโอ่งอ่าง ซึ่งผู้วิจัยเห็นว่าสามารถใช้เป็นเนื้อหาในการออกแบบงานศิลปะได้ ผลงานอาจช่วยส่งเสริมอัตลักษณ์ของชุมชนให้เด่นชัดขึ้นและส่งผลทางอ้อมต่อการค้า ซึ่งการสร้างศิลปะสาธารณะสามารถสื่อให้เห็นถึงความผูกผันกับพื้นที่ของชุมชน ประวัติศาสตร์และพัฒนาการของชุมชนและเมือง อัตลักษณ์และวัฒนธรรมของท้องถิ่น ชุมชน และเชื้อชาติให้เป็นที่รู้จัก รวมถึงการค้าและแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน คุณค่าของโบราณสถาน ศาสนสถาน และวิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ พร้อมกับส่งเสริมภาพลักษณ์ใหม่และความคิดสร้างสรรค์ร่วมสมัย ตลอดจนสิ่งแวดล้อมเชิงกายภาพของชุมชนที่มีการจัดภูมิทัศน์ให้งดงาม

เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมของทางเดินริมคลองและข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่ ผู้วิจัยเห็นว่าในแต่ละช่วงทางเดินริมคลองสามารถติดตั้งงานศิลปะได้หลากหลายลักษณะ จึงเสนอแนวทางการออกแบบงานศิลปะประเภทต่าง ๆ ทั้งงานประติมากรรมและงานออกแบบศิลปะ 3 มิติ โดยเสนอให้ใช้รูปแบบงานศิลปะหลากหลายร่วมกัน เพื่อช่วยให้ทางเดินนี้มีองค์ประกอบทางศิลปะที่เป็นเอกภาพและเกิดทัศนียภาพที่งดงาม และเพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดทางเดินริมน้ำสายวัฒนธรรม จึงแบ่งรูปแบบการออกแบบงานศิลปะออกเป็น 6 รูปแบบ ประกอบด้วย ประติมากรรมลอยตัว ประติมากรรมนูนต่ำ ม้านั่ง ฝาท่อระบายน้ำและสาธารณูปโภค ศิลปะกราฟฟิตี้ และรั้วกันทางเดินริมน้ำ

“กองจัดรูปที่ดินและปรับปรุงฟื้นฟูเมือง สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร ได้นำผลการวิจัยไปใช้และเป็นแนวทางการออกแบบเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน “โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองโอ่งอ่าง” และโครงการศิลปะชุมชน “กิจกรรมแต้มสี กรุงเทพฯ” ปี 2561 ซึ่งสำนักผังเมืองได้ศึกษาปรับปรุงพื้นที่ริมคลองรอบกรุงตลอดเส้นทางจากแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศใต้จรดทิศเหนือ นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังมีแผนที่จะใช้งานศิลปะโดยให้ชุมชนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ซึ่งล่าสุดทางเรากำลังหารือกับการประปานครหลวง เพื่อออกแบบฝาท่อเล็ก ๆ จำนวน 16 อัน เพื่อติดตั้งในย่ายเยาวราช เป็นการปรับภูมิทัศน์ต่อเนื่องตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยบูรณาการวิจัยและความร่วมมือเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่ สกว.”