กรมฝนหลวงฯ แจงกรณีเครื่องบินตก เหตุจากสภาพอากาศ เผยปัจจุบันกัปตันเหลือเพียง 79 จากเต็มกำลัง 137 อัตรา

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เครื่องบินฝนหลวงชนิดคาราแวน (CARAVAN) หมายเลข 1917 ประสบเหตุตกขณะปฏิบัติภารกิจฝึกบิน ที่หมู่ 9 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีผู้เสียชีวิต 2 นาย คือ ร.อ.ตฤณ อัมระนันท์ ครูฝึกบิน และ นายสุขสันต์ จงเสถียรธรรม นักบินใหม่ สาเหตุเกิดจากสภาพอากาศปิด ส่วนข้อเท็จจริงคณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุด้านนิรภัยการบินจะดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุโดยเร็วที่สุด คาดว่าจะใช้เวลาในการปฏิบัติการภายใน 2 สัปดาห์

สำหรับนักบินทั้ง 2 นาย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้แก่ ร.อ.ตฤณ อัมระนันท์ และโปรดเกล้าฯให้ผู้แทนพระองค์เชิญพวงมาลาหลวงส่วนพระองค์และพวงมาลาหลวงของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ไปวางที่หน้าหีบศพของ ร.อ.ตฤณ อัมระนันท์ และนายสุขสันต์ จงเสถียรธรรม และรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ตลอดทั้งงานอีกทั้งยังได้รับธงชาติประกอบเกียรติยศศพ เนื่องจากได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อภารกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ในการปฏิบัติการฝนหลวงด้วยความเรียบร้อยตลอดมาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

นอกจากนี้ ในด้านการดูแลและสิทธิที่นักบินที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบราชการ ร.อ.ตฤณ อัมระนันท์นักบิน ท4 จะได้รับบำเหน็จตกทอดสำหรับทายาทจำนวน 1,882,520 บาท เงินค่าช่วยเหลือพิเศษ (ค่าทำศพ) จำนวน 222,930 บาท เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ (สงเคราะห์) จำนวน 100,000 บาท กองทุนฝนหลวงฯจำนวน 100,000 บาท กองทุนสวัสติการกรมฯ 5,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,410,450 บาท ส่วนนายสุขสันต์ จงเสถียรธรรม นักบิน จะได้รับสิทธิจากกองทุนทดแทนจากการประสบอันตราย จำนวน 1,680, 000 บาท เงินค่าช่วยเหลือพิเศษ (ค่าทำศพ) จำนวน 33,000 บาท เงินจากกองทุนฝนหลวงฯ 100,000 บาทและเงินจากกองทุนสวัสดิการกรมฯ จำนวน 5,000 บาทรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,818,000 บาท

นายสุรสีห์กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของการขออัตรากำลังเพิ่มนั้น เบื้องต้นจะเสนอขอทั้งหมด 700 อัตรา แบ่งเป็นข้าราชการ 300 อัตรา พนักงานราชการ 400 อัตรา โดยจะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เร็วที่สุดคือในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 หรือเร็วกว่านั้น เพราะจะต้องนำบุคลากรที่ได้มาฝึกทักษะและความรู้เพิ่มในเรื่องของฝนหลวงฯ เนื่องจากตำราของฝนหลวงไม่มีสอนในระดับวิทยาลัยจึงต้องเร่งการเสนอเข้า ครม.โดยเร็วที่สุด

“ปัจจุบันกรมฯ มีอัตรากำลังของกรมฯ เพียง 200 อัตรา ซึ่งขณะนี้ต้องการบุคลากรเข้าร่วมหลายตำแหน่ง อาทิ นักวิทยาศาสตร์ด้านฝนหลวงฯ เป็นต้น เพื่อต้องการเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีความสามารถมาช่วงแบ่งเบาการทำงานของกรมฯ ที่ปัจจุบันทำงานแบบไม่มีวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 8 เดือนแล้วในปีนี้ โดยเบื้องต้นได้เตรียมเสนอให้มีการเพิ่มเบี้ยเลี้ยงพิเศษเฉพาะตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ เพื่อจูงใจให้มีคนเข้าร่วมทำงานกับกรมฯมากยิ่งขึ้น” นายสุรสีห์กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีจำนวนกัปตันฝนหลวง ปัจจุบันมีอยู่ 79 อัตรา แบ่งเป็นกัปตัน 45 คน นักบินผู้ช่วย 26 คน เพราะอัตรากำลังที่ต้องการตาม จำนวนอากาศยาน ควรมี 137 อัตรา

ส่วนจำนวนเครื่องบิน กรมฯจะมีการขอซื้อในงบปี 2563 เป็นเครื่องบินขนาดกลาง รุ่นคาซ่า 1 ลำ มูลค่า 500 ล้านบาทและเฮริคอปเตอร์ 7 ที่นั่ง 1 ลำ มูลค่า 140 ล้านบาท และในวันที่ 30 กันยายนนี้ จะได้เครื่อง​บินขนาดกลาง รุ่นคาซ่าใหม่ 1 ลำ มูลค่า 500 ล้านบาท และต้นเดือนพฤศจิกา​ยน อีก 1 ลำ