ศาลไกล่เกลี่ย “ทักษิณ” ถอนฟ้อง อ.มหิดล ปราศรัยหมิ่น ปี’56

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 กันยายน ที่ห้องประนอมข้อพิพาท ชั้น 7 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไกล่เกลี่ยในคดีหมายเลขดำ อ.388/2557 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศขณะนั้น) อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางวรพรรณ เรืองผกา อาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

กรณีเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2556 จำเลยได้กล่าวปราศรัยหมิ่นประมาทที่เวทีชุมนุมของประชาชนที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ซึ่งตั้งเวทีปราศรัยอยู่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง ด้วยเครื่องขยายเสียงต่อหน้าประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชนที่รับชมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องบลูสกาย ที่มีการถ่ายถอดสดแพร่ภาพและเสียงทั่วประเทศและทั่วโลก

ในวันนี้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ผู้รับมอบอำนาจโจทก์และทนายความ, จำเลย และทนายจำเลย เดินทางมาศาล

ขณะที่นายสุภัทร์ สุทธิมนัส อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา มอบหมายให้ นายสุวิชา สุขเกษมหทัย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา เป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ยในคดีนี้ ซึ่งคดีเริ่มมีการฟ้องตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 จนกระทั่งถึงวันที่ไกล่เกลี่ยเป็นเวลา 3 ปีเศษ ผลจากการเจรจาไกล่เกลี่ยในแล้วในวันนี้ปรากฏว่า คดีสามารถตกลงกันได้ โดยคู่ความทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันว่าจำเลยจะขออภัยต่อโจทก์

โดยนางวรพรรณกล่าวถ้อยคำขออภัยโจทก์ว่า “ข้าพเจ้าผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรพรรณ เรืองผกา ขอชี้แจงว่ากรณีข้าพเจ้าได้ปราศรัยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2556 ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง โดยกล่าวพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภายหลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มายื่นฟ้องข้าพเจ้าเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.388/2557 ศาลอาญา ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ได้รับความเสียหาย แต่อาจมีคำพูดที่คลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงไปบ้าง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและไม่สบายใจต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขออภัยและขอบคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มา ณ โอกาสนี้”

เมื่อได้แถลงข่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจช่วงดำเนินการถอนฟ้องนางวรพรรณ จำเลยในวันนี้

ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำหน่ายคดีดังกล่าวออกจากสารบบความ การเจรจาไกล่เกลี่ยในวันนี้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจในผลของการเจรจา ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ที่ส่งเสริมสนับสนุนการระงับข้อพิพาททางเลือก โดยนำระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้ควบคู่ไปกับการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีของศาล เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการยุติข้อพิพาทด้วยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรม

ด้านนายวิญญัติกล่าวถึงคดีนี้ว่า คู่ความมีการฟ้องหมิ่นประมาทกัน เนื่องจากจำเลยกล่าวปราศรัยในเวทีชุมนุม มีการฟ้องเมื่อต้นปี 2557 ศาลอาญาได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วคดีมีมูล รับคดีไว้พิจารณา ฝ่ายจำเลยพยายามที่จะขอเจรจากับทางโจทก์ นายทักษิณได้ให้ดำริมาว่าหากมีการขออภัยอย่างเป็นทางการ และนำคำขออภัยสู่สาธารณชนก็ยินดีที่จะให้อภัย หลายคดีที่นายทักษิณฟ้องไปท่านก็ให้อภัยเช่นกันเมื่อรู้สำนึกว่าสิ่งที่กล่าวไปทำให้ท่านได้รับความเสียหาย แล้วมีการขออภัยท่านก็ยินดี เป็นเรื่องที่ดีที่ทางศาลอาญาได้จัดให้มีการประนอมข้อพิพาท เป็นไปตามนโยบายการตั้งศูนย์ประนอมข้อพิพาทของศาลอาญา และได้รับเกียรติจากอธิบดีและผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ ต้องขอขอบคุณอย่างสูง

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคิดเห็นต่อกรณีที่ประชาชนบางส่วนโจมตีว่าเมื่อนายทักษิณเป็นผู้หนีคดีไปแล้ว เหตุใดจึงยังมาฟ้องคดีกับบุคคลอื่น นายวิญญัติกล่าวว่า คนไทยอยู่ที่ไหนในมุมโลกนี้ ทุกคนก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง มีสิทธิเสรีภาพ สิทธิส่วนบุคคลที่ตนเองจะต้องปกป้อง ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน การที่บุคคลจะใช้สิทธิใดที่เป็นการล่วงละเมิดหรือทำให้นายทักษิณได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนท่านก็ยังมีสิทธินั้นอยู่ สามารถที่จะมอบหมายหรือมอบอำนาจให้บุคคลดำเนินการเรื่องนี้เพื่อปกป้องสิทธิตนเองตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร

“ท่านก็เป็นอดีตผู้นำ อดีตนายกรัฐมนตรีที่สร้างคุณูปการให้กับประเทศชาติมาเยอะ แน่นอนอาจจะมีคนที่ทั้งชื่นชอบหรืออาจจะรักใคร่ ชอบ เป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นคนที่วิจารณ์เรื่องนี้ผมก็คิดว่าท่านรับฟังอยู่แล้ว ไม่เป็นไร” นายวิญญัติกล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์