ทันตแพทยสภาถอนใบอนุญาต “ดลฤดี” หนีทุน เหตุ “ฉ้อโกง-ไม่กตัญญู” ผู้ค้ำประกันตัดพ้อมหิดล

เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร ศูนย์ราชการฯ ผศ. (พิเศษ) ทพ.ไพศาล กังวลกิจ นายกทันตแพทยสภา แถลงข่าวผลตัดสิน ทพญ.ดลฤดี จำลองราษฎร์ หนีการชำระทุน ทำให้ผู้ค้ำประกันได้รับความเดือดร้อนและต้องชดใช้ทุนแทน ว่า คณะกรรมการทันตแพทยสภาได้ประชุมกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2560 และมีมติให้ลงโทษเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของ ทพญ.ดลฤดี เนื่องจากมีพฤติกรรมผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพทันตกรรม นอกจากนี้ ยังได้ตั้งอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติการเป็นสมาชิกทันตแพทยสภาของ ทพญ.ดลฤดี กรณีประพฤติเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ โดยจะเสนอมติดังกล่าวไปยัง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งทันตแพทยสภา เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจัดทำเป็นคำสั่งทางปกครองต่อไป

ผศ. (พิเศษ) ทพ.ไพศาล กังวลกิจ

“ผลการสอบสวนของอนุกรรมการสอบสวนพบว่า การที่ ทพญ.ดลฤดี มิได้ชดใช้เงินจำนวน 24 ล้านบาท ทำให้ผู้ค้ำประกันทั้งหมดได้รับความเดือดร้อน และต้องชดใช้เงินแทนตามคำพิพากษา ผู้ค้ำประกันบางท่านเป็นอาจารย์ที่เคยสอน ทพญ.ดลฤดี เมื่อครั้งเป็นนักศึกษา บางท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนร่วมวิชาชีพ ซึ่งไว้เนื้อเชื่อใจและยินยอมให้ค้ำประกัน โดยหวังว่า ทพญ.ดลฤดีจะกลับมารับราชการใช้ทุนและทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ แต่กลับทำให้ผู้ค้ำประกันได้รับความเดือดร้อนต้องหาเงินมาใช้แทน เมื่อศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ผู้ค้ำประกันพยายามติดต่อให้ ทพญ.ดลฤดีมาชำระหนี้ แต่ทพญ.ดลฤดีบ่ายเบี่ยงที่จะชำระ อ้างว่าไม่มีเงินทั้งที่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ จนกระทั่งมีการบังคับคดีกับผู้ค้ำประกัน ทพญ.ดลฤดีรับปากว่าหากจำหน่ายทรัพย์สินที่ต่างประเทศได้ จะนำเงินมาคืนให้ผู้ค้ำประกัน แต่เมื่อจำหน่ายได้กลับไม่นำเงินมาชำระหนี้ เป็นการหลอกลวงผู้ค้ำประกันให้หลงเชื่อ ถือเป็นการฉ้อโกง ถือได้ว่าพฤติกรรมของ ทพญ.ดลฤดี สร้างความเสื่อมเสียแก่วิชาชีพ ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่มีความกตัญญู ไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายประเทศ” นายกทันตแพทยสภา กล่าว

ผศ. (พิเศษ) ทพ.ไพศาล กล่าวว่า เมื่อเป็นคำสั่งออกมาแล้วนั้น ทพญ.ดลฤดี มีสิทธิทักท้วงตามกฎหมายในระยะเวลา 90 วัน หากเลยหลังจากนี้จะต้องไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต แต่ ทพญ.ดลฤดีสามารถยื่นขอใบอนุญาตใหม่ได้ภายใน 2 ปี แต่อยู่ที่ดุลพินิจของทันตแพทยสภาว่าจะให้หรือไม่ ซึ่งหากขาดจากการเป็นสมาชิกภาพของทันตแพทยสภาก็ไม่สามารถที่จะขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ค้ำประกันที่ต้องชดใช้หนี้แทน ผศ.(พิเศษ) ทพ.ไพศาล กล่าวว่า ผู้ค้ำประกันบางท่านเป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ เป็นหัวหน้าภาควิชา ซึ่งจริงๆ การค้ำประกันก็ถือเป็นการทำตามหน้าที่ของราชการ ในการส่งอาจารย์ในสาขาไปศึกษาต่อ เพื่อเป็นความก้าวหน้าของอาจารย์ จึงถือว่าไม่ใช่การค้ำประกันในเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของหน้าที่การงานด้วย ตนได้มีการหารือกับทางคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าอยากให้มีการช่วยเยียวยาผู้ค้ำประกันด้วย

เมื่อถามว่ามติดังกล่าวจะมีผลต่อ ทพญ.ดลฤดีที่อยู่ต่างประเทศอย่างไรบ้าง ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ เลขาธิการทันตแพทยสภา กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการส่งจดหมายไปถึง ทพญ.ดลฤดี ทั้งที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา เชื่อว่าได้รับจดหมาย แต่ไม่มีการติดต่อกลับแต่อย่างใด ทั้งนี้ มติดังกล่าวบังคับได้เพียงแค่ในประเทศไทย ก็จะทำให้ไม่สามารถประกอบวิชาชีพทันตกรรมในประเทศไทยได้ แต่การประกอบวิชาชีพทันตกรรมในประเทศอื่นก็ต้องสอบให้ได้ใบประกอบฯ ของประเทศนั้น จึงไม่มีผลแต่อย่างใด ซึ่งคงต้องใช้มาตรการทางสังคมในการกดดันทางด้านจริยธรรม ซึ่งคนไทยในต่างประเทศก็ถือว่ามีจำนวนมาก

ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ หนึ่งในผู้ค้ำประกัน ทพญ. ดลฤดี กล่าวว่า ดีใจที่อย่างน้อยวันนี้มีคำตัดสินจากทันตแพทยสภา เชื่อว่าจะเป็นบรรทัดฐานของสังคม ให้ต่อไปไม่มีคนที่มีพฤติการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก การตัดสินเพิกถอนใบอนุญาตฯ สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพถือว่ารุนแรง แต่อยากเรียกร้องให้ทันตแพทยสภา แปลคำสั่งนี้เป็นภาษาอังกฤษเพื่อผู้เสียหายจะได้ใช้ไปฟ้องร้องต่อในสหรัฐฯ และควรส่งหนังสือลายลักษณ์อักษรคำสั่งของทันตแพทยสภาที่เป็นภาษาอังกฤษ ไปทันตแพทยสภาสหรัฐอเมริกา และรัฐแมสซาซูเซตส์ด้วย เพื่อให้มีผลกับการประกอบคลินิกของ ทพญ.ดลฤดี ในต่างประเทศ

“ขณะนี้อาจารย์ที่ค้ำประกัน รวมถึงเพื่อนและตนเองที่ค้ำประกันให้ ทพญ.ดลฤดี ก็ต่างชำระหนี้กันหมดแล้ว ไม่เข้าใจทำไมที่ผ่านทางมหาวิทยาลัยมหิดลไม่แสดงท่าที แต่สิ่งที่หวังอีกอย่าง คือ อยากให้คดีนี้สิ้นสุดโดยเร็ว ซึ่งยังเหลือเรื่องที่ค้างไว้ในกรมบังคับคดี หากเสร็จสิ้นในไทยก็จะดำเนินการแปลคำตัดสินเป็นภาษาอังกฤษ และฟ้องร้องที่ต่างประเทศอย่างเต็มที เนื่องจากในแง่กฎหมาย ต้องรอให้คดีสิ้นสุดลงก่อน” ทพ.เผด็จ กล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์