นายกฯ สั่งเข้มจุดกักตัว ห้ามป่วนซ้ำ ซึ้งโรงแรมเอกชน ร่วมมือ

ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) หรือ ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด – 19 ประจำวัน ว่า สถานการณ์การติดเชื้อของยังไทยอยู่อันดับที่ 38 ของโลก หายป่วย 674 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อขณะนี้ 2,169 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 102 ราย และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3 ราย รวมเป็น 23 ราย โดยรายแรก เป็นเพศชายอายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางกลับจากกรุงลอนดอน เสียชีวิตวันที่ 3 เม.ย. รายที่ 2 สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ อายุ 82 ปี มีความเสี่ยงโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ได้ไปร่วมงานเลี้ยงในหมู่บ้านที่หัวหิน ได้ไปงานเลี้ยงบาร์ ร้านอาหารในสุขุมวิท กทม. เสียชีวิตด้วยระบบทางเดินหายใจล้มเหลว 2 เม.ย.ชายไทยอายุ 30 ปี อาชีพทำงานก่อสร้าง มีประวัติดื่มสุราเป็นประจำ มีอาการไอ ไม่มีไข้ เสมหะเขียว อาเจียนเป็นเลือด น้ำหนักลด เหนื่อยหอบ เสียชีวิต 4 เม.ย.

ขณะเดียวกัน กทม.ในจำนวน 102 ราย แบ่งเป็น กทม.34 ภูเก็ต 24 ราย สมุทรปราการ 9 ราย ชลบุรี 8 ราย นนทบุรึ 7 ราย เชียงใหม่ 3 ราย ฉะเชิงเทรา นราธิวาส พัทลุง ลำปาง จงหวัดละ 2 ราย นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา สกลนคร สระแก้ว สุรินทร์ จังหวัดละ 1 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากข้อมูล 4 ม.ค.- 4 เม.ย.ผู้เสียชีวิต 20 ราย อัตราป่วยตาย 0.97% ค่ามัธยฐานอายุ 58.5 ปี (35-84 ปี) ชาย 18 ราย หญิง 2 ราย โรคประจำตัวที่พบ เบาหวาน 50% ความดันโลหิตสูง 35% โรคไตเรื้อรัง 15% ไขมันในเลือดผิดปกติ 15% อื่นๆ เช่นโรคหัวใจ โรคปอดรื้อรัง วัณโรค มะเร็ง ส่วนติดเชื้อภายในประเทศ 7 วันล่าสุด กทม.แนวโน้มลดลง การติดเชื้อจากต่างประเทศใน 7 วันล่าสุด ต่างชาติไม่เกิน 10 รายต่อวัน ส่วนใหญ่จากยุโรป คนไทย 10-25 รายต่อวัน จากยุโรป ปากีสถาน และอินโดนีเซีย ตัวเลขเหล่านี้ตามหลักการคือชุดข้อมูลไปถึงแล้วจังหวัดต่างๆ ต้องหามาตรการจัดการในพื้นที่ นายกฯ ให้อำนาจผู้ว่าฯ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามสมควร

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายกรัฐมนตรีสั่งการว่าอย่าให้เกิดเหตุอีก และได้สั่งการบูรณาการการทดสอบระบบขึ้นมาใหม่ โดยมีมีเที่ยวบินเข้ามา 2 เที่ยวบิน 51 คน จากการ์ตา 47 คน ใช้บุคลากรต่างๆ ทั้งกองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ที่อำนวยความสะดวก คนไทยร่วมๆ ร้อยคน ขนกระเป๋า ยืนรอสัมภาระได้รับการรวมตัวเพื่อขนส่งไปยังโรงแรมที่พักเรียบร้อยดี ใช้ค่าเฉลี่ยไม่เกิน 3 ชั่วโมง ไปถึงพื้นที่ state quarantine หลายที่ ต้องขอบคุณ ผ่านไปอย่างดี

โดยเฉพาะทีมงานสัตหีบ กองทัพเรือดูแลได้อย่างดี และบางคนบอกว่าดีกว่าที่บ้านเสียอีก คือภาพที่หาได้น้อยมากๆ ที่หาประเทศไหนในโลกที่ดูแลประชาชนได้ดีขนาดนี้ และยังฝากทุกคนที่เข้ามาในยามวิกฤตเราต้องการได้กำลังใจและความรู้สึกที่ดีต่อกัน

“เราเห็นภาพการรองรับของทั้งสัตหีบ ทีมคนไทยอู่ฮั่น เด็กนักเรียนไทยที่กลับมาจากอิตาลี ได้รับการดูแลอย่างดี state quarantine ให้เข้ามาอยู่ในบริเวณที่รัฐดูแลได้ เขายังสามารถเดินไปเดินมา คนที่ไม่ได้ป่วยสามารถอยู่ห้องคู่ได้ ถ้าพื้นที่มีสามารถอยู่ได้ แต่ต้องระมัดระวังใส่หน้ากากตลอดเวลา ข้าวของเครื่องใช้แยกกัน ถือเป็นเรื่องปกติ อีกทั้ง นายกฯ สั่งการให้มีเวรยาม มีกำลังทหาร และกำลังคนของสาธารณสุขมาดูแล เมื่อเทียบกับต่างประเทศไทยไม่ยิ่งหย่อนกว่าประเทศอื่นเลย state quarantine ไม่ได้เป็นทางลบ และขอความมั่นใจชองคนในพื้นที่ไม่ได้เป็นลักษณะทางลบเลย และไม่มีความเสี่ยง อย่าได้รังเกียจ สร้างความแตกแยกขึ้นมาเลย ภาครัฐพยายามหาโรงแรม ผู้มีจิตศรัทธาบอกยกให้มาเลย หลายพื้นที่โรงแรมไม่มีคนอยู่อยู่แล้ว รัฐจะทำตรงนี้เขาอยากเป็นคนคนหนึ่งที่ทำให้ผ่านจุดนี้ไปด้วยกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ขอบคุณผู้ปะรกอบการโรงแรมทั้งหลายที่กรุณาแสดงความรู้สึก และแสดงเจตนาที่ดีเหลือแต่ประชาชนที่อยู่รอบๆ โรงแรมที่ได้เสียสละให้คนที่ลกับมาจากต่างประเทศมาอยู่ต้องเสียสละมาก ดูแลเหมือนเป็นแขกของเขาเลย ไม่เฉพาะ กทม.แต่ต่างจังหวัดก็มีอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สพรรกำลังไม่ได้อยู่ในภาครัฐอย่างเดียว จำนวนเตียงที่มารวมกัน ต้องใช้เตียง 1,622 เตียงทั้งรัฐและเอกชน ภาคเอกชนมี 60 แห่ง 31.1% กระทรวงสาธารณสุข 10 แห่ง 14% คณะแพทยศาสตร์ 9 แห่ง 17% กระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4 แห่ง 6% ภาคการท่องเที่ยวและกีฬา 3 แห่ง 24% กทม.8แห่ง 8% ภาคเอกชนรับและมีส่วนร่วมในการทำงานสูงมาก แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แต่บางทีบอกว่าทำเพื่อประชาชนต้องขอขอบคุณ