ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 เมษายน 2563) นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ โดยเร่งติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อน (Hotspots) มากที่สุด 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภออมก๋อย เชียงดาว แม่แจ่ม แม่วาง และสะเมิง
ทั้งนี้ จุดความร้อนเมื่อเช้าวานนี้ (5 เมษายน) พบว่ามีอยู่ 223 จุด และช่วงบ่าย 165 จุด ส่งผลให้มีพื้นที่ป่าถูกไฟไหม้เสียหายไปเมื่อวานนี้ 1,389 ไร่ มีการแจ้งความดำเนินคดี 59 คดี ใน 16 อำเภอ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนจุดความร้อนในเช้าวันนี้ มีจำนวนลดลง เหลือเพียง 129 จุด แต่พบว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 76 จุด ป่าอนุรักษ์ 52 จุด และเขต สปก. อีก 1 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่เร่งระดมกำลังเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่อง
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับให้ทุกอำเภอบูรณาการทุกหน่วยงานในพื้นที่ ต้องมีเป้าหมายลดจุดความร้อนในทุกพื้นที่ให้ชัดเจน ให้นำข้อมูลมาปรับแผนแบบรายวัน อย่าให้เกิดจุดไหม้ซ้ำซากต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอำเภอเชียงดาวขอให้เพิ่มชุดลาดตระเวนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพิ่มชุดผู้ช่วยในการลาดตระเวน ที่นำเอามาจากบัญชีของผู้หาของป่าร่วมลาดตระเวนและเข้าไปดับไฟ ควบคู่กับการสร้างการรับรู้ที่ต้องทำเป็นระยะๆ โดยใช้ศักยภาพของกำลังชุมชน อาศัยการเข้าไปพูดคุยปราญชาวบ้าน ผู้นำจิตวิญญาณ ผู้นำชุมชน เพื่อทำความเข้าใจพี่น้องประชาชน รวมทั้งใช้หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านและการลงพื้นที่ในชุมชนด้วยตัวเอง และเพื่อดึงชุมชนมาร่วมเป็นเครือข่ายให้การชี้เบาะแสผู้ลักลอบเผาป่าเพื่อจับกุมมาดำเนินคดี
นอกจากนี้ ยังได้ย้ำให้ทุกอำเภอให้เร่งวางแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยระบุอำเภอ วัน เวลา และพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อข้อมูลนำมาหารือวางแผนในช่วงกลางเดือนนี้ เพื่อป้องกันหลังจากเสร็จสิ้นการประกาศห้ามเผา 30 เมษายนนี้ ประชาชนจะมีการเผาพร้อมกันทุกพื้นที่ จึงต้องมีการทำแนวทางข้อตกลงร่วมกันที่ชัดเจนต่อไป
ด้าน นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ 7 อำเภอ จับตาดูพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซาก 83 จุด ใน 12 ตำบล คือ อำเภออมก๋อย 26 จุด ในตำบลยางเปียง ตำบลอมก๋อย ตำบลนาเกียน , อำเภอเชียงดาว 16 จุด ตำบลเมืองงายและตำบลทุ่งข้าวพวง , อำเภอแม่แจ่ม 13 จุด ตำบลกองแขกและตำบลแม่น่าจร , อำเภอแม่วาง 9 จุด ตำบลแม่วิน , อำเภอดอยเต่า 7 จุด ตำบลมืดกา , อำเภอเวียงแหง 6 จุด ตำบลเมืองแหง , อำเภอสะเมิง 5 จุด ตำบลบ่อแก้ว และอำเภอฝาง 4 จุด ตำบลม่อนปิน ซึ่งเกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซากบนภูเขาสูงชัน และเป็นเหวลึกยากต่อการเข้าถึง จึงได้กำชับให้เร่งประเมินสถานการณ์และวางแผนการดับไฟให้ดี
พร้อมเตรียมเฮลิคอปเตอร์ ทั้ง MI-17 ของกองทัพบก , KA32 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย , กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร พร้อมขึ้นบินโปรยน้ำดับไฟได้ทันที เมื่อได้รับการร้องขอ โดยย้ำให้แต่ละอำเภอเร่งวิเคราะห์จุดความร้อนในพื้นที่ หากประเมินแล้วไม่สามารถเข้าดับได้ ขอให้ประสานจังหวัดมาในตอนเช้า เพื่อเร่งนำอากาศยานเข้าไปสนับสนุนโดยด่วน อย่าปล่อยให้ลุกไหม้เกิน 2 วัน เพราะจะเป็นจุดไหม้ซ้ำซากทันที