กพท.มีแนวโน้มขยายเวลาห้ามบินเข้าไทยต่ออีก 15 วัน

ภาพสนามบิน ประกอบข่าวห้าม เครื่องบินเข้าไทย
แฟ้มภาพ

กพท. มีแนวโน้มขยายเวลาห้ามขนส่งพลเรือนเข้าประเทศเข้าไทยต่ออีก 15 วัน พบคนไทยทยอยกลับเพียบ หวั่นประเทศอื่นยังพบผู้ติดเชื้อโควิดสูง

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยถึงมาตรการห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.63 ว่า มีแนวโน้มว่า กพท. อาจะต้อง ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้าม อากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพิ่มเติม เพื่อขยายเวลาห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสาร ทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทย เป็นการชั่วคราว ออกไปอีก

จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย. 63 ซึ่งตามปกติจะพิจารณาคราวละ 15 วัน เพื่อป้องกันสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาด ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ใกล้กับไทย รวมทั้งยังไม่มีความต้องการในการเดินทางระหว่างประเทศ ขณะที่บางประเทศยังมีมาตรการห้ามไม่ให้สายการบินบินออกนอกประเทศอีกด้วย

“กพท. อาจจะต้องออกประกาศขยายเวลาห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสารบินเข้าไทยออกไปอีก แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่การพิจารณาและตัดสินใจของกระทรวงสาธารณสุขว่าจะเห็นชอบและให้ดำเนินการอย่างไร แต่จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ายังมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาด ประเทศรอบ ๆ บ้านเรายังมีจำนวนคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”

ด้าน นายสัมพันธ์ ขุทรานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้านี้จะมีผู้โดยสารชาวไทยเดินทางกลับมาจากต่างประเทศจำนวนมาก โดยผ่านเข้ามายังสนามบินดอนเมืองจำนวนรวม 3 เที่ยวบิน คือ เที่ยวบินแรก 200 คน มาถึงวันอังคารที่ 28 เม.ย.เดินทางมาจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยสารการบินนกสกู๊ต, เที่ยวบินที่ 2 วันพุธที่ 29 เม.ย.เดินทางมาจากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โดยสายการบินแอร์เอเชีย และ วันพฤหัสที่ 30เม.ย. เดินทางมาจากเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย โดยสายการบินแอร์เอเชีย

ทั้งนี้ สนามบินเริ่มมีความกังวล เนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีคนไทยทยอยเดินทางกลับเข้าไทยจำนวนมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ของดอนเมืองมีอุปกรณ์เช่น ชุด พีพีอีจำนวนที่จำกัด รวมทั้งผู้โดยสารคนไทยที่เดินทางเข้ามาส่วนใหญ่มีการแสดงเพียงใบรับรองฟิตทูฟลายเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ยืนยันว่าปลอดจากโรคโควิดหรือไม่

รวมทั้งยังมีข้อมูลว่าบางคนมีการกินยาแก้ไข้มาก่อนเดินทางเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการไข้ตัวร้อน ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงกับผู้ปฏิบัติงานเป็นอย่างมาก ซึ่งสนามบินได้มีการปรับลดความเสี่ยงด้วยการลดจำนวนบุคคลากรที่เข้ามาประจำที่สนามบินลงให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบิน ที่ให้มีส่วนเกินทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยง

ข้อมูล ข่าวสด