กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหอการค้าแห่งประเทศไทย เดินหน้า “เปิดเมืองอย่างปลอดภัย” สร้าง THAI.CARE แพลตฟอร์มประเมินมาตรฐานสถานประกอบการ/กิจการที่ได้รับการคลายล็อก พร้อมติดตามการใช้บริการของประชาชน เชื่อมโยงระบบชำระเงิน ระบบจัดส่งสินค้า
วันที่ 2 พฤษภาคม 2563 ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ประกาศมาตรการ “เปิดเมืองอย่างปลอดภัย” เพื่อผ่อนปรนมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อดำรงชีพและประกอบธุรกิจ โดยยึดเกณฑ์ความปลอดภัยตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเข้มงวด การประกาศผ่อนปรนจากนี้จะเป็นฐานวิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal ที่ทุกคนต้องตระหนักร่วมกัน ปฏิบัติตามเกณฑ์สุขภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ไม่เกิดการแพร่กระจายเชื้อกลายเป็นความเสี่ยงใหม่อีกครั้ง รัฐบาลได้เตรียมช่องทางที่จะให้ทุกส่วนร่วมกันตรวจสอบและประเมินซึ่งกันและกัน และจะมีการเตรียมอาสาสมัครรอบรู้สุขภาพเพื่อปฏิบัติหน้าที่รณรงค์ให้ความรู้ ติดตาม ตรวจสอบ ช่วยทำให้การเปิดเมืองเป็นไปอย่างปลอดภัยตามที่กำหนด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ด้านแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขอให้ผู้ประกอบการใช้แพลตฟอร์ม THAISTOPCOVID ประเมินกิจการว่ามีความพร้อมอยู่ในระดับใด พร้อมเปิดให้บริการตามที่รัฐอนุญาตในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้หรือไม่ โดยหลักเกณฑ์สำคัญต้องมีความพร้อมเรื่องการคัดกรอง การจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ มาตรการป้องกันทั้งในส่วนผู้ปฏิบัติงานและลูกค้า ตลอดจนการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ สามารถทำได้ตามที่กำหนดหรือไม่ หากยังไม่พร้อมจะได้ขอคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อทำให้ถูกต้อง หรือพิจารณาเลื่อนการเปิดกิจการออกไปก่อน ส่วนกรณีการจัดแผงขายในตลาดสดหรือตลาดนัด จะถือเป็นฐานวิถีชีวิตใหม่เช่นกัน ที่จะต้องเว้นระยะห่างแผงขายสินค้า 1-2 เมตร ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ส่วนผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือแอลกอฮอล์เจลทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ส่วนนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยทางสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงแค่การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางสาธารณสุขเท่านั้น ได้เชื่อมข้อมูลผู้ประกอบการเข้ากับหน่วยงานภาครัฐทั้งด้านสาธารณสุขและด้านการเงิน หรือข้อกำหนดจากฝ่ายปกครองต่างๆ ออกแบบเป็นแพลตฟอร์มสำหรับประชาชนผ่านเว็บไซต์ THAI.CARE เพียงแค่ผู้ประกอบการและผู้รับบริการการมาลงทะเบียนจะกลายเป็นเครือข่ายสังคมที่ทำให้รู้ว่าสถานประกอบการใดปลอดภัยระดับใด ผู้รับบริการร่วมกันปักหมุด มีระบบเช็กอิน-เช็กเอาต์ให้รู้ว่าใช้บริการนานแค่ไหน สามารถ แนะนำ ร้องเรียนการใช้บริการ สร้างการตรวจสอบ รวมไปถึงเชื่อมโยงถึงระบบชำระเงิน
ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือกับทุกธนาคารในเรื่องของแพลตฟอร์มโมบายแบงก์กิ้งทั้งประเทศ เข้ามาอยู่ในระบบเพื่อสร้างระบบการจ่ายเงินออนไลน์ และลดการสัมผัสธนบัตรเงินสดลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ รวมทั้งระบบจัดส่งสินค้า หากมีการพบผู้ป่วยรายใหม่ขึ้นมายังติดตามย้อนกลับไปได้ด้วย ถือว่าเป็นความตั้งใจเปิดเมืองอย่างปลอดภัย โดยประชาชนเป็นหัวใจสำคัญช่วยให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ไปให้ได้