ชาวอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เรียกร้องให้ตรวจสอบโครงการ 9101 ชี้โครงการส่อเอื้อประโยชน์นายทุน โดยเฉพาะที่ ต.หนองตอกแป้น เป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ แต่กลับถูกยัดโครงการปุ๋ยอินทรีย์ ยืนยันไม่จำเป็น หลังผ่านโครงการปุ๋ยอินทรีย์ 9101 ไม่ได้ใช้ประโยชน์
เมื่อวันที่ 27 กันยายน จากการติดตามโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล ส่งผ่านสำนักงานเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินโครงการ 8 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการผลิตพืชและพันธุ์พืช 2.ด้านการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ 3.ด้านการจัดการศัตรูพืช 4.ด้านฟาร์มชุมชน 5.ด้านการผลิตอาหารและแปรรูป 6.ด้านปศุสัตว์ 7.ด้านประมง และ 8.ด้านการปรับปรุงบำรุงดิน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
โดยที่ จ.กาฬสินธุ์ได้อนุมัติจำนวน 220 โครงการ เป็นเงินรวม 422,493,549 บาท และมีการรายงานผลการดำเนินการเป็นระยะ โดยเกษตรอำเภอทั้ง 18 อำเภอ เป็นเสมือนเลขานุการดำเนินโครงการร่วมกับชุมชน
การดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อการพัฒนาการเกษตร กลับเกิดกระแสสวนทาง ถือเป็นการจัดส่งงบประมาณลงพื้นที่อย่างไม่จำเป็น เพราะภาคการเกษตรในแต่ละพื้นที่มีความต่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องการทำเกษตรหรือการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
นายทรงเดช ก้อนวิมล ประธานกลุ่มวิสาหกิจเกษตรอินทรีย์ ต.หนองตอกแป้น อ.ยางตลาด กล่าวว่า มีเครือข่ายในลักษณะเดียวกันถึง 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ต.หนองตอกแป้น ต.หัวงัว ต.หนองอิเฒ่า อ.ยางตลาด และ ต.โคกสะอาด อ.ฆ้องชัย ถือเป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ ทำกันมานานนับ 10 ปี ถือเป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง ไม่พึ่งพาสารเคมี แต่เมื่อมีโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมีเข้ามา สำนักงานเกษตรก็ได้เข้ามาเชิญชวน ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้เข้าร่วม เนื่องจากไม่เคยได้รับแจ้งหรือรับเชิญและมีการทำประชาคม แต่ปรากฏว่ามีการจัดสรรงบประมาณให้มาตามโครงการนี้ เป็นเงิน 2,500,000 บาท ให้จัดทำปุ๋ยอินทรีย์โดยผ่านกลุ่มผู้นำชุมชน ซึ่งก็มีชาวบ้านไปเข้าร่วม เพราะจะมีการจ่ายเป็นค่าแรงคนละ 305 บาท/วัน ในการร่วมกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์
นายทรงเดชกล่าวอีกว่า ปุ๋ยที่ผลิตนั้นไม่ตรงคุณภาพปุ๋ยอินทรีย์แน่นอน และก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่ได้ผสมและหมักตามขั้นตอนที่รู้กันมา อีกทั้งหลังจากทำเสร็จก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก็มีการนำปุ๋ยที่เสร็จแล้วไปวางไว้ตามหัวไร่ปลายนา และจนถึงทุกวันนี้เกษตรกรก็ไม่กล้าที่จะใช้ จนถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นประชาชนไม่ได้ประโยชน์
ด้านนายสุนัน มิทะลา อายุ 51 ปี ชาวบ้านโนนตูม ต.หนองตอกแป้น อ.ยางตลาด กล่าวว่า สิ่งที่เชื่อขณะนี้คือ รัฐบาลกำลังทำให้เงินภาษีของประชาชนเสียหาย เพราะไม่มีใครได้ประโยชน์ หมู่บ้านของตนเป็นหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ รู้วิธีการทำเกษตรตามรอยเท้าพ่ออยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องนำโครงการนี้เข้ามาเพราะเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน
นายสุนันกล่าวอีกว่า ในการทำปุ๋ยก็ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมใกล้ชิด ชาวบ้านที่ฐานะยากจนที่เข้ามาทำเพื่อรับค่าแรงคนละ 305 บาท ก็ยังล้มป่วยจากการสูดดมหัวเชื้อปุ๋ย ที่มีทั้งขี้ไก่ ฟอสเฟต ยูเรีย โดโรไมล์ ที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรงและฝุ่นกระจาย ทำให้ชาวบ้านผู้ใช้แรงงานล้มป่วยหลายราย ขณะที่ทราบว่าชุมชนใกล้เคียงเสียชีวิตแล้ว 2 ราย การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการผลาญงบประมาณชาติ เป็นอันตรายต่อสุขภาพชาวบ้าน เนื่องจากไม่มีการสร้างความรู้ความเข้าใจก่อนลงมือทำ จึงขอให้รัฐบาล ตลอดจน สตง. ป.ป.ช. ป.ป.ท. เข้ามาตรวจสอบโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี ที่ จ.กาฬสินธุ์นี้ด้วย
ที่มา : มติชนออนไลน์