“คมนาคม-คลัง” ชิงเหลี่ยมกุมบริหารช่วงฟื้นฟู “การบินไทย” นายกฯ ส่ง “วิษณุ” หย่าศึก ผุดคณะทำงานเป็นซูเปอร์บอร์ดกลั่นกรอง “ศักดิ์สยาม” ชง 4 รายชื่อ เผย 26 พ.ค. ดีเดย์ยื่นคำร้องฟื้นฟูต่อศาลล้มละลายกลาง เปิดผลศึกษาบริษัทที่ปรึกษาแนะเขย่าสูตรโละพนักงาน 40% เหลือ
1.2 หมื่นคน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ บมจ.การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูโดยศาลล้มละลายเมื่อ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้คลังลดสัดส่วนการถือหุ้นต่ำกว่า 50% เพื่อแปรสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน ทำให้อำนาจทั้งหมดไปอยู่ที่คณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย และผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กระทรวงการคลัง เว้นแต่กระทรวงการคลังจะขอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และ ครม. มอบให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้กำกับดูแลแผนฟื้นฟูการบินไทย
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
“เมื่อคลังลดสัดส่วนถือหุ้น ทำให้คมนาคมไม่มีอำนาจกำกับการบินไทย ได้เสนอให้คลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ทำหนังสือมอบฉันทะให้กระทรวงคมนาคมดูแล เหมือนกรณีบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. โดยคลังตอบกลับมาว่า จะใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เสนอประเด็นดังกล่าวเอง และขอหารือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งนายกฯให้ตนและนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หารือร่วมกัน โดยคมนาคมจะเสนอรายชื่อ 4 รายชื่อ เป็นคณะทำงาน”
นายกฯมอบ “วิษณุ” หย่าศึก
จากความเห็นไม่ตรงกัน นายกฯจึงให้ 2 กระทรวงหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เมื่อ 21 พ.ค. พร้อมกับสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุดกลั่นกรองประเด็นต่าง ๆ ก่อนเสนอให้นายกฯพิจารณา โดย 4 รายชื่อที่จะเสนอเข้าไปเป็นคณะทำงานของรองฯวิษณุ เพื่อร่วมเสนอและกลั่นกรองรายชื่อคณะผู้ทำแผนก่อนเสนอนายกฯ และกำหนดแผนงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง มี 1.นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม 2.นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม 3.นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) 4.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ
อย่างไรก็ตาม ให้การบ้านกับฝ่ายบริหารและบอร์ดการบินไทย 5 ข้อ 1.จัดทำบัญชีทรัพย์สิน และบัญชีหนี้สิน 2.จัดทำร่างทีโออาร์จ้างที่ปรึกษาการเงินและกฎหมาย 3.ทำแผนการบริหารสภาพคล่อง 4.ให้ฝ่ายบริหารให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลต่อคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารงานกิจการ และปัญหาการทุจริต และ 5.เสนอบัญชีรายชื่อคณะผู้จัดทำแผนและผู้บริหารแผน
จี้ “บินไทย” ส่งรายชื่อผู้ทำแผน
“รายชื่อผู้จัดทำแผนฟื้นฟู การบินไทยแจ้งว่าวันที่ 24 พ.ค.จะนำรายชื่อเสนอมาที่ตน ก่อนเสนอคณะทำงานรองฯวิษณุ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเสนอมากี่คน ส่วนท่านนายกฯจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็แล้วแต่ดุลพินิจ”
เรื่องสภาพคล่อง ทางคณะทำงานของรองฯวิษณุจะเป็นผู้เสนอแนวทางกับนายกฯเอง อีกทางหนึ่งตนให้บอร์ดและรักษาการดีดีไปคุยกับพนักงานแผนฟื้นฟูจะพาองค์กรไปในทิศทางไหน ขอให้คิดบนความจริงด้วยว่า การจะได้เงินเดือนและผลตอบแทนเต็ม ๆ แบบเดิมทำได้หรือไม่ ตอนนี้การบินไทยมีสภาพคล่องเหลืออยู่ 10,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสูงสุดรวมทุกรายการ 6,000 ล้านบาท/เดือน ด้านการปลดพนักงาน 6,000 คน เพื่อลดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องคณะทำแผนฟื้นฟูจะพิจารณา
เตรียมชี้แจงพนักงาน-สหภาพ
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บมจ.การบินไทย เปิดเผยว่า ก่อนวันที่ 29 พ.ค.นี้ จะประชุมชี้แจงต่อพนักงานและสหภาพแรงงานการบินไทยให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลง สถานภาพ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของบริษัทจะเป็นยังไง หลังหลุดจากรัฐวิสาหกิจอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 2543 เป็นบริษัทมหาชน ภายใต้ พ.ร.บ.แรงงาน อยู่ระหว่างรอฝ่ายกฎหมายไล่เคลียร์ประเด็นข้อกฎหมาย เกี่ยวกับสถานะองค์กรจะเป็นยังไงต่อไป เช่น ต้องจดทะเบียนใหม่หรือทำอะไรเพิ่มหรือไม่
หั่นเงินเดือน 10-50%
สำหรับในแผนฟื้นฟูจะต้องทำทุกเรื่อง เช่น การเพิ่มทุน ปรัลลดพนักงาน การทำแผนธุรกิจเพิ่มรายได้ ทิศทางของไทยสมายล์ และต้องเป็นแผนฟื้นฟูที่ทุกฝ่ายยอมรับ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ซึ่งคีย์สำคัญจะทำให้แผนฟื้นฟูการบินไทยประสบความสำเร็จเร็วหรือช้า อยู่ที่ผู้ทำแผน และผู้บริหารแผน
นายจักรกฤศฏิ์กล่าวอีกว่า ขยายเวลาการปรับลดเงินเดือนผู้บริหารและพนักงานเฉลี่ย 10-50% ออกไปไม่มีกำหนด จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค.นี้ รวมถึงเจรจาเจ้าหนี้ขอยืดเครดิตการชำระหนี้ที่จะครบดีล จากมูลหนี้ทั้งหมดกว่า 2 แสนล้านบาท ส่วนการปรับลดพนักงาน คาดว่าจะดำเนินการในช่วงเข้าฟื้นฟูไปแล้ว โดยผู้ทำแผนจะเป็นผู้กำหนด
แหล่งข่าวจากคมนาคมเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การปรับลดพนักงานคงจะไม่มีการเปิดให้สมัครใจออก เนื่องจากมีภาระค่าชดเชยจำนวนมาก
ชี้คลังไม่แทรกแซงขายหุ้นบินไทย
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า ประเด็นเรื่องราคาหุ้น บมจ.การบินไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำกับดูแลอยู่แล้วซึ่งการขายหุ้นการบินไทยในส่วนของกระทรวงการคลัง เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะขายให้นักลงทุนรายเดียว คือ กองทุนรวมวายุภักษ์ เพื่อลดสถานะการบินไทยออกจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้การบริหารงานคล่องตัวขึ้น เนื่องจากกองทุนวายุภักษ์เป็นนิติบุคคล ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ คลังลงทุนในกองทุนวายุภักษ์เพียง 15% ส่วนประเด็นขายหุ้นราคาต่ำกว่าต้นทุนที่ซื้อมานั้น เป็นเรื่องที่บอร์ดกองทุนวายุภักษ์จะพิจารณา
สภาพคล่องอยู่ได้ถึงตอนยื่นศาล
สภาพคล่องระยะสั้นของการบินไทยปัจจุบันยังมีอยู่ และระยะสั้นอยู่ได้ถึงขั้นตอนการยื่นศาลล้มละลายกลาง เพื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟู เมื่อศาลเห็นชอบและแต่งตั้งผู้บริหารแผนฟื้นฟู ผู้บริหารแผนจะเข้ามาดูแลทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องการเจรจากับเจ้าหนี้
“การคัดเลือกผู้บริหารแผนจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคมนาคมแล้ว กระแสข่าวว่ามีการคัดเลือก นายชาติชาย พยุหนาวีชัย นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ฯลฯ เข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟู ตนไม่ทราบ และไม่ได้วางตัวใครไว้”
คลังเร่งโอนหุ้น 26 พ.ค. ยื่นศาล
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า คลังกับกองทุนรวมวายุภักษ์ได้ทำรายการซื้อขายหุ้น บมจ.การบินไทย เมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้การบินไทยสิ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากสัดส่วนหุ้นที่ภาครัฐ คือ คลังรวมกับรัฐวิสาหกิจ (ธนาคารออมสิน) ต่ำกว่า 50% พนักงานการบินไทยจะสิ้นสภาพการจ้างจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจลงทันที จากนั้นภายใน 26 พ.ค. จะยื่นคำร้องขอฟื้นฟู และเสนอตัวเองเป็นผู้ทำแผนต่อศาล โดยการบินไทยจะตั้งคณะทำงานเจรจาเจ้าหนี้ซึ่งต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจว่าจะเลือกใครบ้าง
ลดพนักงาน 50% หยุดเลือดไหล
ในส่วนของการปรับโครงสร้างองค์กรที่มีข่าวว่าจะลดพนักงาน 30% นั้น คงไม่เพียงพอที่จะหยุดเลือดไม่ให้ไหลต่อ แต้องปรับลด 50% หรืออย่างน้อย 10,000 คน โดยเฉพาะตำแหน่งนักบินที่มีอยู่มากกว่า 1,000 คน จนเกินพอดี ขณะที่แอร์โฮสเตสมี 7,000-8,000 คน การชดเชยต้องเหมาะสมเป็นไปตามมาตรฐานธุรกิจการบิน ต้องเปิดโครงการเออร์ลี่รีไทร์จูงใจพนักงานด้วย
“การปรับโครงสร้างพนักงานต้องทำอย่างมีเหตุมีผล จ่ายไม่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งตามธรรมเนียมควรเป็นไปตามมาตรฐานธุรกิจการบิน อย่างน้อยต้องมากกว่าที่กฎหมายกำหนด 2 เท่า โดยเงินที่จะจ่ายสำรองไว้อยู่แล้ว”
เปิดผลศึกษาลดคน 40%
แหล่งข่าวจาก บมจ.การบินไทยเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้บริหารของบริษัทได้มอบหมายให้แต่ละส่วนงานทำการศึกษาเพื่อหาแนวทางลดขนาดองค์กรทั้งในด้านบุคลากร ฝูงบินที่เหมาะสมและสอดรับกับสภาพตลาดปัจจุบัน และแผนการฟื้นฟูที่กำลังจะเกิดขึ้น เบื้องต้นพบว่า บริษัทควรปรับลดจำนวนพนักงานทั้งหมด 40% จากปัจจุบันมีอยู่ 21,367 คน เหลือ 12,000-13,000 คน ลดลง 8,000 คน ภายใน 2-3 ปีนี้ ให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับสายการบินอินเตอร์ชั้นนำของโลก
ขนาดฝูงบินปัจจุบัน การบินไทยมีฝูงบินราว 100 ลำ ตามแผนจะลดเหลือ 70 ลำ พร้อมลดจำนวนแบบเครื่องบินให้น้อยลงเหลือ 6 แบบ อาทิ แอร์บัส A320, แอร์บัส A330, แอร์บัส A350, โบอิ้ง B777-200 ER และ B777-300 ER ให้ง่ายต่อการบริหารจัดการต้นทุนและสอดรับกับเรื่องของดีมานด์-ซัพพลายของตลาดในอนาคต
“การคำนวณจำนวนคนทำงานจะเทียบกับมาตรฐานของสายการบินชั้นนำทั่วไปที่ใช้นักบิน 18 คนต่อลำ กรณีสิงคโปร์แอร์ไลน์ใช้เฉลี่ย 17.5 คนต่อลำ หากเทียบกับการบินช่วงก่อนโควิดที่ยังบิน 100 ลำ เราจะใช้จำนวนนักบิน 14.3 คนต่อลำ แต่หลังปรับโครงสร้างแล้วเหลือฝูงบิน 70 ลำ หากเทียบค่ามาตรฐานทั่วไปที่จำนวน 80 คนต่อลำ เรามีความจำเป็นต้องการนักบินที่ 1,260 คน เท่ากับส่วนของนักบินต้องตัดออก 170-200 คน”
ขณะที่ส่วนของลูกเรือ ปัจจุบันมีพนักงานรวม 5,749 คน อยู่ในอัตราที่ไม่สูงเกินไป เนื่องจากกฎระเบียบขององค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) และมาตรฐานความปลอดภัยการบินยุโรป (EASA) ขององค์การบินของสหภาพยุโรปที่กำหนดให้ลูกเรือ 1 คน ไม่สามารถให้บริการหรือทำการบินได้เกิน 3 แบบเท่านั้น บวกกับจำนวนแบบเครื่องบินก่อนหน้านี้ของการบินไทยที่มีหลายแบบ จึงจำเป็นต้องใช้ลูกเรือจำนวนมาก
คนล้นทั้งแบ็กออฟฟิศ-ฝ่ายช่าง
แหล่งข่าวกล่าวว่า แผนกที่เป็นประเด็นปัญหาและน่าจะลดลงได้อีก คือ ฝ่ายช่าง ปัจจุบันมี 3,461 คน ดูแลเครื่องบินรวม 250 ลำต่อปี เป็นเครื่องบินของการบินไทย 100 ลำ และของคู่ค้า 150 ลำ เฉลี่ยใช้ช่าง 13.8 คนต่อลำ เทียบกับสายการบินลุฟท์ฮันซ่ามีช่างราว 6,000 คน ดูแลเครื่องบินทั้งหมด 900 ลำ ใช้ช่าง 6.6 คนต่อลำ ที่สำคัญการบินไทยมีค่าใช้จ่ายค่าล่วงเวลาให้ฝ่ายช่างเฉลี่ยปีละ 1.6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ที่น่าจะลดพนักงานได้มากที่สุดถึง 50% คือ ส่วนงานธุรกิจ สำนักงาน และทั่วไป ที่ปัจจุบันมีพนักงาน 10,725 คน
“สายการบินหลายแห่งจะรวมพนักงานทั่วไปกับฝ่ายช่างไว้ด้วยกัน มีมาตรฐานการใช้พนักงานส่วนนี้เฉลี่ยไม่ถึง 100 คนต่อลำ เช่น สิงคโปร์แอร์ไลน์อยู่ที่ 80 คนต่อลำ ในโครงสร้างใหม่เราจะมีเครื่อง 70 ลำ ดังนั้นต้องทำให้พนักงานส่วนนี้เหลือ 5,000-6,000 คน”
นอกจากนี้ หากปรับลดส่วนต่าง ๆ แล้วยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จะใช้วิธีตัดพนักงานระดับบนและระดับล่าง คือ เลือกเลิกจ้างกลุ่มพนักงานอายุตั้งแต่ 57-58 ปีขึ้นไป พนักงานใหม่และที่ยังไม่ผ่านการทดลองงาน เป็นต้น
เปิดน่านฟ้า 30 เส้นทาง 1 ก.ค.
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากปรับโครงสร้างขนาดองค์กรแล้ว ยังได้เตรียมความพร้อมสำหรับเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ (internation) โดยได้กำหนดวันดีเดย์การกลับมาให้บริการอีกครั้ง ทั้งเส้นทางบินในเอเชียและยุโรป รวมราว 30 เส้นทางหลัก ในวันที่ 1 ก.ค.นี้