“อนุทิน” ชูไทยรอดโควิด แต่ต้องไม่อดตาย ดันรถไฟไฮสปีดหัวหอกลงทุน

“อนุทิน” ตั้งเป้าไทยต้องไม่ติดโควิดแม้แต่คนเดียว เปิดช่องลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ รถไฟไฮสปีด-อู่ตะเภา หัวหอกเคลื่อนเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 09.45 น. ที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ รางน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา “ลงทุน 2020 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างชาติ สร้างงาน” จัดโดยหนังสือพิมพ์มติชน

โดยนายอนุทินกล่าวว่า ไม่ต้องกลัวเชื้อโรคโควิดมากเกินไป ถ้ากลัว ไม่ทำอะไรเลย แล้วตั้งเป้าว่าไม่มีการติดเชื้อเลยแม้แต่คนเดียวไม่ได้อีกต่อไป เพราะเศรษฐกิจจะเดินหน้าไปไม่ได้ คนตกงาน ถูกกระทบอย่างมหาศาล แน่นอนเราอาจจะรอดจากโควิด แต่จะอดตายแทน ซึ่งต้องเปลี่ยนความคิดเป็นจะต้องเข้าใจที่จะอยู่ร่วมและจะสู้กับมันยังไง

“ระบบสาธารณสุขการแพทย์วันนี้ มั่นใจว่ารับมือโควิดได้ แม้ไม่มีวัคซีน เรากำลังรอวัคซีน เทียบตอนนี้กับเมื่อต้นปีที่โรคระบาดเปลี่ยนไปแล้ว ผมให้ความมั่นใจว่าหมอเมืองไทย ระบบสาธารณสุขเมืองไทยพร้อมจะรับมือกับสถานการณ์นี้ การจะฟื้นเศรษฐกิจ การสร้างความแข็งแกร่ง การสร้างรายได้จะกลับมาโดยเร็ว ผมในฐานะเป็นเอกชนลงทุนมาก่อน ยังมีความมั่นใจ ในความแข็งแกร่ง และระบบพื้นฐานเศรษฐกิจไทย เราต้องเป็นผู้ชนะ มองเห็นทางออก โอกาส ในปัญหา ไทยจะไม่เป็นประเทศที่ด้อยโอกาส โควิดจะเป็นโอกาสให้เราสร้างความเชื่อมั่นคนในประเทศและทั่วโลก ถ้าต้องลงทุนขยายฐานการผลิต เขาจะต้องหาประเทศที่นอกจากมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีแล้ว ระบบท่องเที่ยว บริการยอดเยี่ยมแล้ว” นายอนุทินกล่าวและว่า

ตอนนี้ประเทศไทยจะมีอีกแบรนด์หนึ่งสร้างความั่นใจนักลงทุนทั่วโลก นั่นคือระบบความปลอดภัย จะได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง วันนี้เราได้พิสูจน์แล้ว ช่วงที่โควิด-19 ระบาดในประเทศจากนักท่องเที่ยวชาวจีน 30 ราย เรารักษาจนหายป่วยทั้งหมด และรัฐบาลจีนให้ความร่วมมือไทยด้านการรักษาโรค โดยส่งเวชภัณฑ์และถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการเป็นการซัพพอร์ตทุก ๆ อย่างให้ในรูปของการมอบให้ ซื้อขาย จัดซื้อจัดหา ทำให้ยารักษาที่มีเพิ่มจาก 5,000 เม็ด เป็น 6 แสนเม็ดด้วย ซึ่งกำลังจะผลิตด้วยประเทศไทยเอง

นายอนุทินกล่าวถึงเรื่องการลงทุนว่า โครงการโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต้องมีต้องลงทุน เพื่อให้เงินหมุน เศรษฐกิจโต ตนพร้อมกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมกับอีกกระทรวงภายใต้โควต้าของพรรคคือ กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นตัวเปิดในทุกด้าน

และส่วนตัวเองกับนายศักดิ์สยามก็มีการติดต่อพูดคุยกันทุกวัน วันละ 2-3 ชม. เพื่อหารือถึงเรื่องการทำงานต่าง ๆ ขอยืนยันว่า การดำเนินการของตนและนายศักดิ์สยามเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบ ทำตามระเบียบทุกขั้นตอน

โดยวางหลักการร่วมกันไว้คร่าว ๆ คือ 1. Thai First เน้นว่าทุกอย่างต้องใช้เงินบาท คนไทย ของไทย และคนไทยต้องลงทุนหรือได้ก่อน เงินไทย คอนเทนต์ไทยต้องมากที่สุด ไทยต้องเป็น Buyer Market คือเป็นผู้เลือกซื้อ ไม่ใช่ผู้รอเขามาซื้อ ไทยทำ ไทยใช้ ไทยต้องเจริญก่อน แต่ไม่ได้หมายความจะปิดกั้นการลงทุนจากต่างประเทศ เพียงแต่ว่าให้นักลงทุนไทยทำให้เต็มศักยภาพก่อน แล้วจึงให้ต่างประเทศเข้ามา

2. การกู้เงิน หลายคนมองเป็นข้อครหาว่ารัฐบาลดีแต่กู้ แต่ส่วนตัวมองว่า ถ้าดอกต่ำประมาณ 0.5% ก็สมควรจะกู้ แต่ก็ไม่ใช่สักแต่ว่ากู้ ต้องดูศักยภาพของตัวเองด้วย ที่ผ่านมาสามารถผลักดันโครงการได้อย่างน้อย 3 โครงการ ได้ มีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่เอกชนเสนอให้รัฐลงทุนน้อยกว่ากรอบถึง 50,000 ล้านบาท โครงการสนามบินอู่ตะเภา ที่รัฐได้ผลประโยชน์มากถึง 3.05 แสนล้านบาท และการประมูลงานระบบ (O&M) มอเตอร์เวย์ที่สามารถลดราคากลางลงได้กว่า 36%

“ผมยืนยันว่าที่ผ่านมาผมและท่านรัฐมนตรี ดูแลใกล้ชิด ไม่มีอะไรกระเด็น หรือบิดเบือนแน่นอน และท่านนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เองก็สนับสนุนการทำงานเสมอแม้ท่านจะมาจากต่างพรรค และเป็นการทำงานแบบรัฐบาลผสม แต่ท่านให้หมด อะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติท่านให้หมด ต่อจากนี้เงินลงทุนจะหมุนกลับมาไทย มาเหมือนเดิม อย่าหมดแรงไปเสียก่อน ประเทศไทยต้องกลับแข็งแรง แข็งแกร่ง เหมือนเดิม เหมือนที่เคยเป็นมา” นายอนุทินกข่าว