วาระแห่งชาติ ! ป.ป.ช. ชง ครม. จัดระเบียบสายสื่อสารใหม่

สายสื่อสาร
แฟ้มภาพประกอบข่าว

ป.ป.ช. ชง ครม. จัดระเบียบสายสื่อสาร ติง บริษัทเอกชน-รสก.ด้านโทรคมนาคมกระทำผิดกฎหมาย ทั้งพาดสาย-ติดตั้งอุปกรณ์บนเสาไฟของ กฟน.-กฟภ. และลักพาดสายโดยไม่ได้รับอนุญาต

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ในการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

โดย ป.ป.ช.เสนอแนะให้ ครม. พิจารณากำหนดนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้า ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยให้ใช้กรณีการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานแล้วในซอยพหลโยธิน 8 หรือซอยสายลม เขตพญาไท มาเป็นต้นแบบดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ทั่วประเทศ

โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการข้อมูลและจัดทำแผนการจัดระเบียบสายสื่อสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.รายงานว่า ในปัจจุบันผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งในส่วนของธุรกิจเอกชนและรัฐวิสาหกิจจำนวนมาก ได้ละเมิดการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพาดสาย หรือติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้าของ กฟน. และ กฟภ. ทั้งการลักพาดสายโดยไม่ได้รับอนุญาต การพาดสายสื่อสารไม่มีการรวบสายให้เป็นระเบียบ ไม่มีการคัดแยกสายที่พาดโดยไม่ได้รับอนุญาตออกจากสายที่ได้รับอนุญาต การใช้สายที่ไม่มีแถบสีตามที่กำหนด การนำสายสื่อสารสำรองที่เหลือใช้ม้วนเป็นวงกลมแขวนทิ้งไว้บนเสาไฟฟ้า การปล่อยทิ้งสายที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ที่เป็นสายชำรุดเสื่อมสภาพหรือลูกค้ายกเลิกใช้บริการปะปนกับสายที่ใช้งาน โดยไม่รื้อถอน

ทั้งนี้เลขาธิการ กสทช.ได้เคยชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ต่อกรณีดังกล่าวว่า ปัญหาสายสื่อสารที่พาดบนเสาไฟฟ้ามีปริมาณมากและขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย จนส่งผลต่อทัศนียภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนนั้น มากกว่าร้อยละ 50 เป็นสายที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

ซึ่งมีทั้งสายโทรศัพท์บ้าน และสายเคเบิลทีวี ที่พาดกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งการจัดระเบียบประชาชนอาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้องรื้อสายลงมาทั้งหมด จึงมีความจำเป็นที่ทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องประสานการปฏิบัติงานและกำกับดูแลงานร่วมกัน