ศาลปกครองสูงสุด สั่งระงับการสร้าง สนง.อัยการสมุทรสาครไว้ก่อน เหตุทับโบราณสถาน

รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของอธิบดีกรมศิลปากร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ที่อนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุด (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ทำการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครในที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สค. 37 (บางส่วน) ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เนื่องจากที่ดินราชพัสดุแปลงดังกล่าว (บางส่วน) มีแนวฐานรากกำแพงโบราณก่ออิฐสอปูนอยู่ใต้พื้นดินเชื่อมต่อกับแนวกำแพงป้อมวิเชียรโชฎก ที่กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานไว้ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2532 ซึ่งพระราชบัญญัติโบราณสถานฯ พ.ศ. 2504 ห้ามมิให้ผู้ใดซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อเติม ทำลาย เคลื่อนย้ายโบราณสถานหรือส่วนต่างๆ ของโบราณสถาน หรือขุดค้นสิ่งใดๆ หรือปลูกสร้างอาคารภายในบริเวณโบราณสถาน เว้นแต่จะกระทำตามคำสั่งของอธิบดีหรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี และถ้าหนังสืออนุญาตนั้นกำหนดเงื่อนไขไว้ประการใดก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นด้วย

ซึ่งกรณีนี้แม้อธิบดีกรมศิลปากร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จะมีอำนาจดุลพินิจพิจารณาอนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ก่อสร้างอาคารและกำหนดเงื่อนไขการก่อสร้างอาคารในที่ดินซึ่งมีโบราณสถานได้ก็ตาม แต่การอนุญาตและกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวจะต้องเป็นไปโดยสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ให้อำนาจนั้นด้วย

แต่เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว เห็นได้ว่า เงื่อนไขการก่อสร้างอาคารในคดีพิพาทยังไม่พอรับฟังได้ว่าเป็นการดำเนินการสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าวและภารกิจของกรมศิลปากรตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. 2554 แต่อย่างใด

การที่อธิบดีกรมศิลปากร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครในที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สค.37 (บางส่วน) ตามหนังสือ ที่ วธ 0406/3889 ลงวันที่ 18 กันยายน 2558 จึงมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งอนุญาตการก่อสร้างฯ ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา