“ดีเอสไอ” จับมือยุติธรรมไต้หวันทลายเครือข่ายข้ามชาติ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” จับกุมยกก๊วน 25 ราย

“ดีเอสไอ” จับมือยุติธรรมไต้หวันทลายเครือข่ายข้ามชาติ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” จับกุมยกก๊วน 25 ราย คาดมีผู้ตกเป็นเหยื่อ 100 ราย เสียหายกว่า 200 ล้านบาท

วันนี้ (18 ต.ค.2560) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยนายมานพ ศรวิบูลย์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พ.ต.ท.ธวัชชัย ศรีวรกุล ผู้อำนวยการส่วนคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ 2 และ พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ โดยมีคนไทยและคนไต้หวันร่วมกระทำความผิด สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 25 คน และคาดว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์พร้อมกันทั้งในประเทศและต่างประเทศในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ MJIBไต้หวัน (The Ministry of Justice Investigation Bureau) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ดังนั้นจึงขอย้ำเตือนประชาชนว่าอย่าเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้กระทำผิดเพื่อหวังค่าจ้างเพียงเล็กน้อย โดยไปเปิดบัญชีเงินฝากและมอบบัตรเอทีเอ็มให้คนอื่นใช้ เพราะเจ้าของบัญชีจะต้องถูกดำเนินคดีมีส่วนร่วมกระทำผิดด้วย

ด้าน พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กล่าวว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์แพร่ระบาดอย่างหนัก และตั้งฐานการดำเนินงานหลอกลวงอยู่ในต่างประเทศ โดยคนต่างชาติร่วมมือกับคนไทยนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ในการโทรศัพท์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ VOIP (Voice Over Internet Protocol) เพื่อให้เกิดความซับซ้อนยากแก่การติดตาม

โดยมีการแสดงหมายเลขโทรศัพท์ในขณะรับสายเป็นเบอร์โทร.ของหน่วยงานรัฐ เช่น ดีเอสไอ บริษัทไปรษณีย์ไทย หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะมีการพูดจาโน้มน้าว หรือกดดันจนเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเครือข่าย ขณะเดียวกันก็จะมีชาวต่างชาติที่แฝงตัวมาในฐานะนักท่องเที่ยวกดเงินออกโดยทันที

ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนร้องเรียนว่า มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐประมาณ 8,000 ราย คาดว่าน่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อร่วม 100 ราย วงเงินกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาจับกุมผู้กระทำผิดได้แค่เพียงผู้เปิดบัญชีรับจ้าง ผู้ถอนเงิน และผู้ช่วยเหลือสนับสนุนรายเล็ก ๆทั้งคนไทยและต่างชาติ

ล่าสุดนี้ ดีเอสไอได้ร่วมกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันเข้าตรวจค้นบริษัท พี เอ็ม เอ็น จำกัด ตั้งอยู่อาคารทศพลแลนด์ 4 เขตบางนา กรุงเทพมหานคร เพื่อเก็บพยานหลักฐานในการติดต่อสื่อสาร VOIP ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พบข้อมูลการจราจรคอมพิวเตอร์มีการเชื่อมโยงจากเครือข่ายจดทะเบียนทั้งในฮ่องกง อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา

นอกจากนั้นยังได้ประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกระทรวงยุติธรรมของไต้หวัน( MJIB ) ซึ่งทาง MJIB ก็ได้เข้าทำการตรวจค้นที่ทำการของกลุ่มเป้าหมาย ณ เมืองไท่จง (Taichong) และเมืองเหมี่ยวลี่ (Miaoli) พบพยานหลักฐานสำคัญและได้จับกุมคนไทยได้จำนวน 18 คน และคนไต้หวัน 7 คน ซึ่งคนไทยที่ถูกจับกุม 2 คน คือนางธัญวรรณ วงษ์ภักดี และนายณัฐสิทธิ์ สามตะคุ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินจากผู้เสียหาย มีการชักชวนคนไทยไปทำงานรับโทรศัพท์ที่ไต้หวัน โดยได้รับค่าตอบแทนมากกว่า 1 แสนบาท/เดือน