เครือข่ายประมงพื้นบ้านจ.ตรัง โต้อธิบดีอช.ให้ข้อมูลล่าพะยูนมั่ว ยันชาวบ้านร่วมอนุรักษ์เต็มที่

กรณี นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ข้อมูลในการอนุรักษ์พะยูนและอนุรักษ์แหล่งหญ้าทะเลระดับประเทศ ถึงสถานการณ์พะยูนในประเทศไทยจัดอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากถูกคุกคามอย่างหนักในเรื่องที่อยู่อาศัยและการทำลายแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งคาดว่าในน่านน้ำไทยมีพะยูนไม่เกิน 200 ตัว และมีอยู่ในเขตห้ามล่าหมู่เกาะลิบง จ.ตรัง ประมาณ 130-150 ตัว โดยกลุ่มผู้ล่าพะยูนมีความเชื่อว่า กระดูกพะยูน สามารถนำไปทำยาโด๊ป เขี้ยวน้ำไปทำของขลัง ส่วนเนื้อนำไปปรุงอาหารเป็นเมนูพะยูนผัดเผ็ด

รวมทั้งเสนอข่าวย้ำกล่าวอ้างว่าเป็นแหล่งข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ว่าเรื่องขบวนการล่าพะยูนและนำเนื้อ อวัยวะมาขายมีอยู่จริง พร้อมอ้างว่าแหล่งที่มีการซื้อ-ขายกันนั้นคือพื้นที่เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง โดยชาวประมงบางกลุ่มในพื้นที่ ทั้งล่า และนำซากพะยูนที่ติดเครื่องมือประมงขึ้นฝั่งโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ แล้วนำไปแหลเนื้อออกเป็นส่วนๆ ทั้งกระดูกและเขี้ยว แยกออกซึ่งเป็นอวัยวะที่แพงที่สุด เป็นที่ต้องการของตลาด ขายกันในกิโลกรัมละถึง 10,000 บาท เพราะเชื่อว่ากระดูกสามารถนำมาผสมเป็นยารักษาโรคมะเร็งได้ ส่วนเนื้อนั้นขายในกิโลกรัมละ 150 บาท นำไปประกอบเมนูพื้นบ้านแกงคั่วที่มีรสชาดเผ็ดจัด และกำลังเป็นที่นิยม โดยแหล่งข่าวคนดังกล่าว อ้างว่าหลังจากมีการล่อซื้อได้มีการส่งชิ้นเนื้อไปพิสูจน์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน จ.ภูเก็ต และได้รับการยืนยันว่าเนื้อดังกล่าวเป็นเนื้อพะยูนจริงๆ

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่มูลนิธิอันดามัน อ.เมือง จ.ตรัง นายอะเหร็น พระคง ประธานเครือข่ายชมรมชาวประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง และ นายสะมาแอล เบญสะอาด เลขานุการชมรม สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจและเสียกำลังใจมากที่สุด ตลอดเวลาเกือบ 30 ปี ชมรมประมงพื้นบ้านร่วมกับชาวบ้านโดยเฉพาะชาวเกาะลิบง อ.กันตัง ทุกครัวเรือน ร่วมมือกันทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องพะยูนให้อยู่รอดปลอดภัย แทบจะเรียกได้ว่าพะยูนคือชีวิตของชาวเล จ.ตรัง ก็ว่าได้ ขบวนการล่าพะยูน ยอมรับว่ามีอยู่จริง แต่เกือบ 30 ปีมาแล้ว และเป็นกลุ่มที่อยู่นอกพื้นที่ ปัจจุบันไม่มีใครกล้าทำแบบนั้นแล้วเพราะชาวบ้านมีการรณรงค์ มีจิตสำนึก และมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มแข็ง มีการทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน และขอวิงวอนว่าท่านอธิบดีฯอย่างพูดโคมลอยไร้หลักฐาน เพราะจะเป็นการบั่นทอนความตั้งใจของคนทำงานในพื้นที่

ประธานเครือข่ายชมรมชาวประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว พะยูนในท้องทะเลไทยมี 120 ตัว แต่จากการบินสำรวจข้อมูลเมื่อ เม.ย.2559 พบพะยูนเพิ่มขึ้นเป็น 169 ตัว และยังพบคู่แม่ลูกอีก 10 คู่ อีกทั้งหญ้าทะเลก็เพิ่มขึ้นจาก 20,000 ไร่ เป็น กว่า 30,000 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในพื้นที่ ต.เกาะลิบง สิ่งที่ท่านอธิบดีฯ พูดให้ข่าวนั้นเป็นข้อมูลเก่า แต่เครือข่ายประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เพราะหากมีข้อมูลแล้ว ขอให้กรมอุทยานฯ หาวิธีการดูแลพะยูนอย่างจริงจัง อย่าแค่พูดเพื่อให้รู้ปัญหาแล้วไม่หาทางแก้ เพราะจะเป็นการสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ โดยหลังจากนี้เครือข่ายประมงพื้นบ้านฯจะหารือร่วมกันเพื่อกำหนดท่าที เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบ

“ที่ผ่านมาต้องบอกว่ากระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐหละหลวม ไม่มีความเด็ดขาด มีกฎหมายอยู่ในมือแต่ไม่เคยใช้ให้มีประสิทธิภาพ เครือข่ายประมงพื้นบ้านและชาวบ้าน ทำได้แค่ทีมเสริม ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่มีกฎหมาย ฯลฯ มีแค่ใจที่ต้องการจะช่วยให้ดูแลให้ดีที่สุด ซึ่งหลังจากนี้คงได้มีการคุยกัน โดยอาจจะมีการเชิญท่านอธิบดีฯ ลงมาพื้นที่เพื่อได้เห็นข้อมูลข้อเท็จจริง ว่าคนพื้นที่เขาทำงานกันอย่างไร เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน”นายอะเหร็น กล่าว

 

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์