โหรดัง “โสรัจจะ นวลอยู่” ชี้ดวงเมืองปี’64 เศรษฐกิจ การเมือง โรคระบาด

โหร-โสรัจจะ-นวลอยู่
โสรัจจะ นวลอยู่
โหรทำนายดวงเมือง “นอสตราดามุสเมืองไทย”

ดวงเมือง ปีฉลู นี้ เรียกว่าเป็นปี “วัวกระทิง” เพราะ พ.ศ.2564 เป็นปีที่ร้อนแรง กล่าวคือ การโคจรของดวงดาวในปีฉลู “ดาวอังคาร” (3) เข้าทับ “ดาวมฤตยู” (0) ในราศีเมษ (ลัคนาดวงเมือง) ตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นสิ่งที่วิปริต ผิดอาเพศมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมี “ดาวในมุมร่วมธาตุ” คือ ดาวพระเกตุ ในช่วงต้นปี จึงไม่เหมือนปีอื่นๆ

ซึ่งตอนนี้ “ดาวเสาร์” ตั้งฉากกับ “ดาวมฤตยู” ในราศีมังกร ถ้า “ดาวอังคาร” เข้ามาทับ “ดาวมฤตยู” แล้วตั้งฉากกับ “ดาวเสาร์” ในราศีมังกร ย่อมส่งผลตั้งแต่เดือนแรก

คือ “มกราคม” จะเกิดความยุ่งยากทางการเมืองขนานใหญ่ ต่อเนื่องจากปี 2563 อาจจะมีการขัดแย้งที่รุนแรง อาจเดือดพลุ่งพล่าน บ้านเมืองไม่สงบ เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จะเกิดความยุ่งยากของการเมืองอย่างหนัก ซึ่งปีอื่นๆ ไม่มีโอกาสเป็นแบบนี้ หรือมีแบบชั่วคราวแล้วก็ไป

ความจริงแล้ว ดาวใหญ่ อย่าง “ดาวมฤตยู” ซึ่งเป็นดาวแห่งการเคลื่อนไหวนั้น 80 กว่าปี จึงจะเข้ามา ราศีเมษ (ลัคนาดวงเมือง) 1 ครั้ง ซึ่งสังเกตว่า เมื่อ “ดาวมฤตยู” ทับราศีเมษ จะเกิดการเคลื่อนไหวเต็มไปหมด การเมืองวุ่นวาย รวมถึงภัยพิบัติ โรคระบาด และเศรษฐกิจ แต่บังเอิญ “ดาวมฤตยู” ในปี 2564 ยังอยู่ราษีเมษ ทับลัคนาเมืองอยู่ และจะอยู่ไปจนถึงกลางปี 2565

ส่วน อาถรรพ์ของดวงดาว บาปเคราะห์ “ดาวพระเสาร์” ที่อยู่ราศีมังกร คือ “ดาวพระเสาร์” จะเดินขึ้นไปราศีกุมภ์บ้าง กลับมาราศีมังกรที่ตั้งฉากกับดาวมฤตยูบ้าง บ่งบอกสภาวะของประเทศที่แตกร้าวรุนแรง เพราะ “ดาวเสาร์” อาจจะเดินไม่ปกติ คือ เดินขึ้นไปเร็ว แล้วก็กลับมาที่เดิม เช่นนี้ไม่อาจจะประสานกันได้ แสดงให้เห็นจุดยุ่งยากของหัวหน้ารัฐบาลที่จะต้องเผชิญ

ทั้งนี้ ดวงดาวยังบ่งถึงเหตุป่วนการเมืองด้วย คือ ประเทศสยามของเรามีโอกาสจะเข้าสู่ภาวะ “สงครามกลางเมือง” เป็นปีอันตราย ประมาทมิได้ในทุกๆ ทาง ธุรกิจสับสน กระแสเงินตรามีจุดเครียด ภาวะทางการเงินตึงตัว เราจะเสียเปรียบทางการค้ากับต่างแดน และเป็นหนี้สินมากมาย มีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศจำนวนมาก จะเป็นหนี้หนักเศรษฐกิจประเทศอาจตกต่ำไปอีก ถึงขั้นล้มละลาย คนงานถูกปลดออกจากงานเป็นจำนวนมาก ข้าวยากหมากแพง สถาบันทางการเงินและธนาคารล้มลง รัฐบาลจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสำคัญอย่างใหญ่หลวง หุ้นจะตกอย่างถล่มทลายต่อเนื่องจากปี 2563

ปัญหาที่รุมเร้านี้ ต้องระวังการขัดแย้งทางการเมืองอันจะเกิดจากเศรษฐกิจด้วย และระวังการเป็นปรปักษ์ทางการเมืองอย่างรุนแรง ที่อาจปูทางไปสู่การพิพาทหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ จนอาจต้องใช้อาวุธประหัตประหารกัน

โดยรวมด้าน “เศรษฐกิจ” หนักกว่าปี 2540 เนื่องจากครั้งนี้จะกระทบประชาชนไปทุกหย่อมหญ้า ทั้งจนและคนร่ำรวย ต่อเนื่องจนถึงปี 2565 ซึ่งดูแล้วประชาชนเตรียมตัวตั้งแต่ปี 2563 เพราะผ่านวิกฤตด้านเศรษฐกิจมา แต่ปีนี้เหมือนอะไรหลายอย่างเข้ามาซ้ำเติม ทั้งเรื่องโรคระบาด และการเมือง

กล่าวคือ “ปัญหาด้านเศรษฐกิจจะสำแดงความไม่สงบสุขของบ้านเมือง” อย่างย้ำหัวตะปูให้แน่นเข้า เศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤต ผู้คนตกงานอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งปี รัฐบาลไม่มีเงินจ้างงาน ก่อให้เกิดการว่างงานเป็นเวลายาวนานเกินไป

บ่มถึงความไม่ลงตัว ความปั่นป่วน ทำให้การเมืองเต็มไปด้วยความขัดแย้งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เหตุการณ์ประเทศจะพลิกผันอย่างที่ไม่เคยเห็น และเกิดความว่างเปล่า “ดวงดาวลิขิตมาในปีนี้ เกินสุดจะคาดเดาได้”

โดยดวงเมืองใน “เดือนมีนาคม” “ดาวพระเกตุ” (9) เล็ง “ดาวมฤตยู” (0) และ “ดาวพฤหัส” ย้ายขึ้นมาราศีกุมภ์ และถูกบาปเคราะห์ ทำมุมกากบาท ทั้งยังโดน “ดาวพระเสาร์” ตั้งฉากกับ “ดาวมฤตยู” แบบหัวไม่วาง หางไม่เว้น ซึ่งจะส่งผลกับประเทศไทยขณะนั้น ที่หวังกันว่าจะเริ่มสันติสุข-ปรองดองกันเสียที ก็ดูจะเลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิม เมื่อดาวพฤหัสอยู่ในมุมบังคับเป็นกากบาท กล่าวคือ จะเป็นเรื่องที่มิอาจมีการออมชอมกันได้ง่ายๆ ฝ่ายรัฐบาลก็มีแต่การทะเลาะเบาะแว้งกันภายใน รวมถึงพรรคที่มาร่วมรัฐบาลด้วย

ปีนี้นักการเมืองจะร่วงหล่นกันมาก บ้านเมืองเสื่อมถอย จะมีเหตุการณ์อย่างรุนแรงเกิดขึ้น ประมาทไม่ได้ ฝูงชนอาจจะมีการเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เกิดม็อบเต็มบ้านเต็มเมือง จะมีเหตุการณ์จลาจลได้ รัฐบาลจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสำคัญ เพราะจะมีการสร้างความปั่นป่วน จนอาจต้องใช้กำลังทางทหารเข้ามาแก้ไข และเป็นหนทางกลับไปสู่เหตุการณ์ในอดีตอีกครั้ง

ช่วงที่เข้มข้น คือ เดือน “มิถุนายน” เพราะมีดวงดาวที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องการเมือง คือ “ดาวอังคาร” (ดาวสีเลือด) โคจรร่วม “ดาวศุกร์” เข้าสู่ ราศีกรกฎ (ซึ่งตรงข้ามกับ ราศีมังกร) เล็ง “ดาวพระเสาร์” ใน ราศีมังกร ข้อนี้ต้องพึงระวังในเดือนมิถุนายน ว่าจะรุนแรงขึ้น ไม่ควรประมาทในเรื่องการเมือง จะมีลางร้ายบอกเหตุล่วงหน้า อันมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์เสียหายแก่บ้านเมือง ให้จับตาลางร้ายนั้นซึ่งจะเกิดกับรัฐบาล ซึ่งความจริงเริ่มขัดแย้งตั้งแต่ มกราคม อาจจะรวมถึงในสภาที่ขัดแย้งมาเรื่อยๆ และเพิ่มความรุนแรง แต่หนักสุดคือช่วงมิถุนายน

เหตุการณ์ทางการเมืองอย่างรุนแรงที่จะเกิดขึ้นปีนี้ เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง จะวนเวียน ซ้ำไปซ้ำมา เหมือนปีก่อนไม่มีผิด แต่รุนแรงมากกว่าหลายเท่า บ่งถึง “เมืองไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤต” จะมีประชาชนเรือนแสนมาชุมนุมตามท้องถนน แม้รัฐบาลประกาศห้ามชุมนุมก็ไม่ฟังกัน เพราะปัญหาทุกด้านที่หนักมากยังไม่ได้รับการแก้ไขทั้งหมดซึ่งเมื่อดูจากเหตุการณ์หลังมิถุนายน บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะ

นอกจากนี้ ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้การเมือง คือ “ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มหาหฤโหด” และ “โรคระบาด” ที่จะพัฒนาจากปี 2563 ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเกิดทั่วโลก เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ของไทยค่อนข้างหนักในเรื่องโรคระบาด

สรุปแล้ว 3 เรื่องใหญ่ในปี 2564 คือ “การเมือง โรคระบาด และ เศรษฐกิจ” ซึ่งโรคระบาดอาจแทรกการเมืองในบางช่วง เพราะโควิด-19 จะพัฒนาในเร็วๆ นี้ กลายเป็นไวรัสที่รุนแรง โดยมาจากต่างประเทศ เมื่อติดแล้วจะทำลายเนื้อเยื่อของคน อาจจะเสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง หรืออาจจะไม่ได้ติดต่อจากคนสู่คน เช่น มาทางอากาศ หรือมาตามแม่น้ำลำคลอง ซึ่งอาจติดเชื้อได้ง่าย ไม่ควรประมาท

และปี 2564 จะมี “ภัยพิบัติทางธรรมชาติ” จำนวนมาก อาจจะเกิดความ “แห้งแล้ง” อย่างน้อยครึ่งปี มีเรื่อง “ฝุ่นละออง” ค่อนข้างมาก ในปลายเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งปีก่อนยังผ่านไปได้ แต่ปีนี้อาจจะมีคนเจ็บป่วยเยอะ บางแห่งอาจต้องอพยพเคลื่อนย้ายคนเพราะอันตราย มีเรื่อง “ไฟป่า” ที่หนักมาก อาจจะเผาผลาญไปหลายจังหวัด เข้าถึงที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไป และคนที่มีฐานะ จะเสียหายหลายพื้นที่ พืชพันธุ์ ต้นไม้ ต้องเตรียมแก้ไขตั้งแต่ต้นปี

เดือนเมษายน-พฤษภาคม จะร้อนสุดสุด ในรอบหลายร้อยปีก็ว่าได้ ร้อนมากจนบางคนทนไม่ไหว เป็นโรคฮีตสโตรกมาก ไม่แพ้โรคระบาด และมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ ประมาณเดือนพฤษภาคม

นอกจากนี้ ยังมีเรื่อง “น้ำท่วมใหญ่” ทั่วประเทศในช่วงปลายปี ไปจนถึง “ภัยทางทะเล” อย่าง สึนามิ ประมาณเดือนพฤศจิกายน ต้องระมัดระวัง จากนั้น ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะหนาวจัดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ยังมีอุบัติเหตุทางเครื่องบิน รวมไปถึงเรือโดยสาร อาจมีเครื่องบินตกได้ กล่าวคือ ประเทศเราจะเป็นเหมือนยุโรป จะมีหลายเรื่องในปี 2564 ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ต้องเตรียมรับมือให้ดี

ส่วน “ข่าวดี” ของเราก็มี ปี 2564 จะเป็นเรื่อง “การกีฬา” เราอาจจะส่งนักกีฬาไปแข่งขันต่างแดนระดับโลก แล้วได้รับรางวัลค่อนข้างมาก เกือบทุกประเภทที่ส่งไป รวมถึงเรื่องความสวยงาม อาจจะเป็นการส่งคนไปประกวดความสวยงาม ในต่างแดน ปี 2564 จะได้รับรางวัลใหญ่ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ

ด้าน “การแพทย์” ของเราจะเด่นในต่างแดนด้วย เราอาจค้นพบยา หรือวัคซีน จากสมุนไพรคู่บ้านคู่เมือง ที่นำมาใช้และค้นคว้าประกอบกันจนได้ยาที่สามารถรักษาโรคร้าย เพราะปี 2564 จะมีโรคร้ายอีกหลายโรค นอกเหนือจากโควิด-19

ส่วนโควิด-19 จะต้องอยู่ไปอีกจนถึงปี 2565 ขณะเดียวกันก็มีโรคอื่นเข้ามาแทรก ให้สู้ อย่าท้อ เราอาจจะมีข่าวดีเรื่องยา ช่วงปลายปี 2564

ปีฉลู วัวกระทิงนี้ เรียกว่า เป็นปี “อภิมหากลียุค” ต่อด้วยไฟประลัยกัลป์ โดยเฉพาะเรื่องการเมือง

ต้นปี “ดาวพระเคราะห์เสาร์” ที่ตั้งฉากกับ “ดาวมฤตยู” ในลัคนาเมษ (ลัคนาเมือง) มี “ดาวเกตุ” และ “ดาวราหู” ล้อมหน้าล้อมหลัง เช่นนี้ ถือว่าเป็นจุดอันตรายอย่างมาก เท่ากับเพิ่มความรุนแรงให้กับสิ่งที่ตามมา

เรียกว่าเป็นความวิปริต หรือความยุ่งยากนานาประการ ลักษณะ “ชะตาเมืองร้าย” ควรทำบุญ สร้างพระ ประกอบกรรมตามศาสนา-ลัทธิให้มากขึ้น พลเมืองโดยทั่วไปควรรักษาศีล 5 บ้านเมืองจะค่อยๆ ผ่านพ้นบางเรื่องไปได้

ส่วน บุคคลสำคัญ ผู้นำของรัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี ต้องระมัดระวังคนรอบตัวบางคน และควรจะแก้ไขทุกอย่างด้วยความรวดเร็วขึ้น แต่อย่าใจร้อน ให้รอบคอบ สุขุม เป็นธรรม และมีเมตตาควบคู่ไปด้วย เพราะความมีเมตตานี้จะช่วยทำให้หลายเหตุการณ์ผ่านพ้นไปได้ เนื่องจากดวงเมืองปี 2564 ดวงดาวค่อนข้างร้อน ถ้าร้อนตามดวงดาว ก็จะเป็นไปตามดวงดาว

ทั้งนี้ นี่คือการพยากรณ์ อาจจะเกิดขึ้น หรือไม่ก็ได้ อย่างไรก็ดี ทั้งผู้นำรัฐบาลและประชาชนทั่วไป ควรหมั่นทำบุญตามความสามารถ ตามกิจวัตรและศาสนาของแต่ละคน แต่ต้องทำจากใจ โดยสวดมนต์นั่งสมาธิไปด้วย จะช่วยบรรเทาให้ผ่อนคลายลงได้มาก