“ประยุทธ์” อนุมัติจองวัคซีนเพิ่ม 35 ล้านโดส เริ่มเข็มแรกมีนาคม

REUTERS/Stephane Mahe

ก.พ. 64 วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกถึงไทย 2 แสนโดส ฉีดบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่เสี่ยงสูงก่อน โดยจะทยอยเข้ามาจนครบ 2 ล้านโดสแรก ในเดือน เม.ย. 64 ครม.อนุมัติซื้ออีก 35 ล้านโดสจากแอสตร้าเซเนก้า รวมปี 64 มีวัคซีน 63 ล้านโดส 

วันที่ 5 มกราคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่า ในการประชุม ครม.วันนี้มีการอนุมัติงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเงินสำหรับรองรับการวัคซีนที่จะเข้ามาระยะแรก 2 ล้านโดส

  • เดือนมีนาคม 8 แสนโดส สำหรับประชาชน 4 แสนคน
  • เดือนเมษายน 1 ล้านโดส สำหรับประชาชน 5 แสนคน
  • เดือนพฤษภาคม 26 ล้านโดส สำหรับประชาชน 13 ล้านคน

“ทั้งหมดจะต้องผ่านมาตรฐานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.)ไทย และ อ.ย.ของต่างประเทศ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

สำหรับรายละเอียดการนำเข้าวัคซีนและการฉีดให้กับบุคลกรกลุ่มต่าง ๆ ตามที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอธิบาย มีดังนี้

  • เดือนกุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 200,000 โดส แบ่งออกเป็น สำหรับส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่น จังหวัดสมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จำนวน 20,000 คน สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่มีสภาวะแทรกซ้อนสูงและกลุ่มจำเป็นอื่น ๆ จำนวน 180,000 คน
  • เดือนมีนาคม 2564 จำนวน 800,000 โดส แบ่งออกเป็น สำหรับฉีดเข็มที่ 2 ให้กับกลุ่มที่ 1 จำนวน 200,000 โดส และสำหรับกลุ่มจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ชายแดนภาคจะวันตก ภาคใต้และบุคลากรทางการแพทย์อื่น ๆ รวมถึงอสม. จำนวน 600,000 โดส รวมจำนวน 600,000 คน และกลุ่มติดเชื้อที่มีภาวะแทรกซ้อนสูงและกลุ่มจำเป็นอื่น ๆ 540,000 คน
  • เดือนเมษายน 2564 จำนวน 1 ล้านโดส โดยจะฉีดเข็มที่ 2 ให้กับกลุ่มที่ฉีดไปแล้ว 600,000 โดสแรก จำนวน 600,000 คน ส่วนอีก 400,000 โดส ให้กับบุคลากรอื่น ๆ เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม วันนี้มีสั่งจองวัคซีนเพิ่ม 35 ล้านโดส ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า รวมทั้งหมดมี 60 ล้านคน ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนตามระยะเวลาที่วัคซีนเข้ามา โดยแต่ละคนต้องฉีดคนละ 2 โดส ห่างกัน 4 สัปดาห์ ทั้งนี้ การจะให้กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเป็นไปตามมาตรฐานกรมควบคุมโรค ที่สำคัญที่สุดคือคนที่อยู่หน้างาน ผู้ที่ตรวจสอบคัดกรอง ผู้ป่วยเจ็บโควิด -19 ประชาชนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มโรคเรื้อรัง และอื่นๆ ที่มีความจำเป็น

“วัคซีนลอตที่ 2 จำนวน 26 ล้านโดส จะเริ่มทยอยส่งมอบในเดือนมิถุนายน สำหรับวัคซีนล็อตต่อ ๆ จะมีการติดต่อ หารือ แสวงหาจากประเทศอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้รวดเร็วตามความต้องการ สำหรับวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า วันนี้เราได้เตรียมพร้อมบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงก่อตั้งไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ 9 จนถึงรัชกาลที่ 10 ได้ทรงพระบรมราชานุญาต ให้ใช้ผลิตวัคซีนได้ คาดว่าจะผลิตวัคซีนได้ 200 ล้านโดส ในปีต่อไป

ดังนั้น น่าจะเพียงพอแจกจ่ายวัคซีนทั่วทั้งประเทศ ส่วนภาคเอกชน เราเปิดโอกาสให้เอกชนจัดหาได้เพื่อความรวดเร็ว แต่ต้องผ่านมาตรฐาน ของกระทรวงสาธารณสุข

ผลข้างเคียงสัดส่วนที่ยอมรับได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนผลข้างเคียงอยู่ในสัดส่วนที่ยอมรับได้ เป็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในการใช้วัคซีน วันนี้ฉีดในหลายประเทศ หลายยี่ห้อ ต้องติดตามทุกประเทศ ตนต้องการให้คนไทยปลอดภัยมากที่สุด สิ่งสำคัญต้องจำกัดการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็ว นำคนติดเชื้อเข้ามารักษาพยาบาลให้ได้โดยเร็ว ส่วนวัคซีนป้องกันการติดเชื้อใหม่ ส่วนผู้ที่เป็นแล้วต้องใช้ยาอีคตัวหนึ่งเราจัดหาไว้เพียงพอแล้ว

หามาตรการเยียวยา 40 ล้านคน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้น ได้มอบหมายนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายก และ รมว.พลังงาน กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดูว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในช่วง 2 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งมาตรการต่างๆ ก็ออกมาเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ส่วนมาตรการที่มีอยู่แล้ว เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน จะขยายเวลาโครงการออกไป ซึ่งมีการจองโรงแรม จ่ายค่ามัดจำไปแล้ว ตนได้ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทย ขอความร่วมมือว่าอย่าเพิ่งไปเก็บเงินผู้ใช้บริการตอนนี้

“ทุกเรื่องที่เคยให้ไปแล้วต้องหาวิธีการบริหารจัดการให้ได้ ในส่วนการดูแลช่วง 2 เดือน ดูแลคน 40 ล้านคน จะทำอย่างไร ต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก แต่รัฐบาลยืนยันว่ายังมีเงินพอเพียงอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ไม่เก็บภาษีเที่ยวด้วยกัน – คนละครึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ใช้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน – โครงการคนละครึ่งจะถูกเก็บภาษี ว่า มาจากไหนตนไม่ทราบเหมือนกัน ไม่เกี่ยวข้องกัน เราช่วยเหลือเพื่อผ่อนภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ไม่เกี่ยวกับเรื่องภาษีทั้งสิ้น จะเก็บได้อย่างไร

ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนทำความเข้าใจให้ดี ร่วมมือกันให้ได้ วันนี้ต้องเข้าใจตรงกันว่าเราต้องรวมไทยสร้างชาติ ร่วมต้านโควิด-19 ขอให้ทุกคนระลึกคำนี้ไว้เสมอ เราต้องสร้างชาติให้เข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน เผอิญมีโควิด-19 ขึ้นมา เราต้องอยู่ให้ได้อย่างไรโดยที่ทุกคนต้องระวังตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อตัวเองในการเข้าตรวจสอบคัดกรอง รัฐบาลไม่มุ่งหวังลงโทษใครทั้งสิ้น เว้นแต่ทำเรื่องผิดกฎหมาย

“ทุกคนไม่ต้องปิดบัง ไม่เช่นนั้นแพร่ระบาดในสถานที่คัดกรอง ต้องรับผิดชอบคนอื่นเขาด้วย สงสารเจ้าหน้าที่หน้างาน ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน แพทย์ หมอ พยาบาลนอนห้องทำงานไม่ได้กลับบ้าน 24 ชั่วโมงก็อ่อนเพลีย เขาก็อ่อนแออยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ผมเป็นห่วง ดังนั้น ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยมือพวกเรา ถ้าเราทำดีก็แก้ได้ทุกเรื่องถ้าไม่ร่วมมือกัน ปกปิดซ่อนพรางก็แก้ไม่ได้ เพราะเราบริหารคน 66 ล้านคน การทำให้คน 66 ล้านคนไปทิศทางเดียวกันคือฟังมาตรการของรัฐ และซื่อสัตย์ต่อตนเอง ครอบครัว บุคคลอันเป็นที่รัก สังคม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว