เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ก่อนออกจากตึกไทยคู่ฟ้า สถานที่ทำงานนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 15 นาที
นายอนุทิน กล่าวภายหลังเข้าพบว่า มารายงานนายกฯว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานเครื่องมือแพทย์ให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อมอบให้รัฐบาลใช้ในการดูแลประชาชน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเราต้องวางแผนการใช้อย่างรถตรวจพระราชทาน หากรวมกับที่จะพระราชทานมาใหม่ก็จะมี 20 คัน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังรายงานนายกฯเรื่องการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในข้อมูลต่างๆว่ามาจากประเทศไหนเป็นอย่างไร เราต้องระมัดระวังอะไรบ้าง โดยขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนจากที่ไหนที่ปลอดภัยที่สุด เพราะถ้าจะให้ปลอดภัยที่สุดต้องศึกษามาเป็น 10 ปี แต่เราเพิ่งเผชิญเหตุการณ์มาปีกว่าๆจึงต้องศึกษากันต่อไป แต่ส่วนใหญ่เขาก็ทดลองในระดับที่เชื่อมั่นว่าปลอดภัยในระดับหนึ่ง ซึ่งวัคซีนทั่วโลกตอนนี้ถ้าได้รับการใช้ก็เป็นการใช้ภายใต้เงื่อนไขการขออนุญาตใช้วัคซีนโควิด-19 เป็นการฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization) จึงเป็นการฉีดโดยการพิจารณาของรัฐบาลไม่ใช่ฉีดในเชิงพาณิชย์
นายอนุทินกล่าวต่อไปว่า โดยการนำเข้ามาจะต้องผ่านกระทรวงสาธารณสุข ผู้ผลิตวัคซีนไม่สามารถไปขายโดยเอเย่นต์หรือเชิงพาณิชย์ได้ ต้องเป็นการขายโดยรัฐต่อรัฐโดยตรง
ทั้งนี้แม้สถานการณ์ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลงแล้ว แต่อย่าไปดีใจหรือเสียใจกับตรงนั้น ขอให้เชื่อว่าระบบสาธารณสุขยังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่ จำนวนผู้ติดเชื้อแม้จะมีมากขึ้น แต่ก็มากขึ้นในกลุ่มที่เราก็รู้ว่าจะต้องเพิ่มขึ้นจากตรงนี้
“สิ่งที่เรากลัวที่สุด คือ ไปไหนมาไหนก็เจอแต่ผู้ติดเชื้อมาจากทุกที่ แต่เราไม่รู้ว่ามาจากไหนและติดจากไหน แต่เรายังไม่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ทั้งนี้ที่สำคัญอัตราติดเชื้อจากผู้ที่ป่วยแล้วหาย ติดเชื้อแล้วมีอาการหรือผู้ที่เสียชีวิตยังคงอยู่ในบรรทัดฐานของกรอบที่ยังไม่หลุดออกไป ซึ่งเรายังควบคุมได้อยู่”นายอนุทินกล่าว