สาธารณสุข ยัน ไทยสั่งซื้อวัคซีนโควิดคนละตัวกับนอร์เวย์ 

กระทรวงสาธารณสุข ชี้กรณีนอร์เวย์เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิดของไฟเซอร์ โมเดอร์นา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ยันไทยสั่งซื้อคนละตัว

วันที่ 17 มกราคม 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากกรณีมีผู้เสียชีวิตภายหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศนอร์เวย์ 23 ราย จากการฉีดให้ประชาชนจำนวน 3 หมื่นกว่าราย โดยฉีดของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ซึ่งทั้งสองบริษัทใช้เทคโนโลยีผลิตตัวเดียวกันคือ mRNA เป็นคนละตัวกับที่ไทยสั่งซื้อของบริษัทแอสตราเซเนกา และซิโนแวค ประเทศจีน ที่ใช้กลุ่มวัคซีนเชื้อตาย ดังนั้นจึงอยากให้คนไทยเชื่อมั่นว่าไม่ได้ใช้ตัวเดียวกับนอร์เวย์


นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า ในกรณีนอร์เวย์ พบผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ 29 รายภายหลังรับวัคซีน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 21 ราย ชาย 8 ราย และจำนวนนี้เสียชีวิต 23 ราย เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ หลังรับไป 1 เข็ม

ข้อมูลที่ได้จากสื่อรายงานว่ามีการชันสูตรคนที่เสียชีวิตไปแล้ว 13 ราย พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีอายุมากกว่า 80 ปี และอยู่ที่บ้านพักคนชรา สาเหตุของการเสียชีวิตอยู่ระหว่างการสืบสวน ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะออกมาเร็ว ๆ นี้เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุแท้จริง เพราะยังไม่ได้สรุปว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน เพราะทั้ง 23 ราย เป็นกลุ่มคนที่มีอาการมากอยู่แล้ว และข้อมูลคนที่อยู่ในบ้านพักคนชราแห่งนั้นมีผู้เสียชีวิตทุกวันเป็นปกติ 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของประเทศนอร์เวย์ก็ได้ให้ความเห็นว่าการฉีดวัคซีนยังถือว่ามีความเสี่ยงน้อย ยกเว้นกลุ่มผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไปหรือผู้มีโรคประจำตัวมากก็จะเสี่ยงพบอาการไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ปวดบริเวณฉีด หรือบวมร้อน บางคนมีคลื่นไส้ อาเจียน ในกรณีที่เป็นมากมีการเกิดภาวะช็อกภายหลังได้รับ โดยปกติจะติดตามเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีหลังการฉีด จากนั้นติดตามต่ออีก 30 วันจนกระทั่งมั่นใจได้ว่าไม่มีผลข้างเคียงตามมา 

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากต่างประเทศก็ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยที่จะช่วยวางแผนในการเตรียมรับวัคซีนอย่างปลอดภัย และขณะนี้ แพทย์นอร์เวย์ได้แนะนำว่าต้องประเมินความเสี่ยงก่อนการสั่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้มีอายุมากและมีโรคประจำตัวด้วย