แอสตร้าเซเนก้า ลุ้นเอกสารขึ้นทะเบียนฉุกเฉิน วัคซีนโควิด

วัคซีน

“แอสตร้าเซเนก้า” รอเอกสารเพิ่มเติม ขอขึ้นทะเบียน วัคซีน โควิด 19 กับ อย.

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 ว่า ขณะนี้ผู้ที่ฉีดวัคซีน ไม่ว่าของบริษัทใดก็ตามมีตัวเลขเพิ่มขึ้นหลักหลายสิบล้านคน บางประเทศมีข่าวผลข้างเคียง บางรายถึงกับเสียชีวิต แต่นโยบายของนายกรัฐมนตรีชัดเจนว่า วัคซีนที่มาฉีดให้กับคนไทย จะต้องปลอดภัย มีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับ

ขณะนี้มีบริษัทวัคซีน 1 แห่งยื่นเอกสารให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย เบื้องต้นคาดว่าจะได้รับการอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนแบบฉุกเฉินในไทยไม่เกินสัปดาห์นี้

นพ.โอภาส กล่าวว่า หลังจาก อย.พิจารณาเอกสารแล้ว ซึ่งมีเยอะมาก แต่เท่าที่ดูเชื่อว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในระดับที่ยอมรับได้ กระบวนเป็นไปตามแผนว่าจะมีวัคซีนมาฉีดให้คนไทยตั้งแต่ ก.พ.เป็นต้นไป และในคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่แต่งตั้งมา ขณะนี้เร่งดำเนินการแล้ว ส่วนในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนนั้น เมื่อฉีดไปจำนวนมากจะมีระบบติดตามหลังฉีดวัคซีน เพื่อดูอาการอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่

อาการต่าง ๆ เช่น  การแพ้ยา อาการไม่พึงประสงค์ หากมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็จะมีคณะกรรมการสอบสวนให้ละเอียด นำประวัติรักษาหรือรายที่เสียชีวิตจะต้องมีการชันสูตร เพื่อหาว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน โดยมีหลักการพิจารณาว่าหากปลอดภัยและให้ฉีดต่อ หรือว่าให้หยุดฉีด

ทั้งนี้ คณะกรรมการมีความเป็นกลางไม่มีใครแทรกแซง โดยหลักการแล้วการฉีดวัคซีนแบบสมัครใจดีกว่าบังคับ เนื่องจากต้องฉีด 2 เข็ม การบังคับมาฉีดก็เป็นเรื่องยาก ต้องชั่งใจเพราะทุกเรื่องมีข้อดีข้อเสีย

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการสำรวจก่อนเปิดลงทะเบียนฉีดหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการ คงมีมาตรการออกมา อย่างไรก็ตามมีการทำโพลสำรวจ ผ่านแอปพลิเคชันหรือเจ้าหน้าที่เป็นผู้สำรวจ แต่จะต้องให้คณะกรรมการเคาะอีกที

“ข้อมูลขณะนี้ทุกเทคโลโนยีมีความปลอดภัย ที่รายงานออกไปยังไม่มีข้อมูลชัด ๆ ที่รายงานเป็นทางการ ส่วนกรณีที่ฉีดแล้วเสียชีวิต ก็ยังไม่ได้โทษที่วัคซีน แต่วัคซีนเชื้อตาย มีการใช้มานาน ค่อนข้างมั่นใจ แต่หากมีผู้ที่ฉีดเยอะ ก็ทำให้เรามีข้อมูลมากขึ้น หรือเรียกว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม”

เมื่อถามว่าในขณะนี้ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า วงจรการระบาด เราสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือ ซึ่งบางคนบอกว่าป้องกันได้ดีกว่าวัคซีนด้วย แต่มีวัคซีนก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อลดอัตรการป่วยตายในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตามยังต้องควบคู่กับการป้องกันส่วนบุคคลเพื่อให้การป้องกันสมบูรณ์

“ในระยะ 2 เดือนมานี้ ประเทศที่ฉีดกันก็ยังมีไม่ถึงสิบล้านคน ในสหรัฐอเมริกาเอง ก็ฉีดในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และในส่วนที่มีการฉีดแล้วเสียชีวิตนั้น ก็จะต้องระวังมากในเรื่องของผลข้างเคียง” นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มกราคม 256 มติชน รายงานว่า นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีมีสื่อและนักวิชาการบางคนโพสต์ข้อความว่า อย. มีการพิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซเนก้า แล้วว่า

“ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด- 19 ในประเทศไทย แต่อย่างใดโดยในส่วนของ แอสตร้าเซเนก้า ผมได้ชี้แจงไปแล้ว ว่าอยู่ระหว่างการขอเอกสารเพิ่มเติม”

ในส่วนของมาตรฐานคุณภาพการผลิต ล็อตที่ผลิตในต่างประเทศที่มีการนำมายื่นขอขึ้นทะเบียนนั้น ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะส่งมาวันนี้ หรือวันไหน แต่หากทางบริษัทส่งเข้ามาแล้วก็จะสามารถพิจารณาได้โดยอาจจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์

อย่างไรก็ตามการขึ้นทะเบียนได้ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีวัคซีนหรือไม่มีวัคซีนเข้ามาในประเทศไทย ขึ้นอยู่กับว่าทางบริษัทจะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยหรือไม่ แต่หากภาคเอกชนหรือผู้นำเข้ารายใดที่ต้องการ ที่จะนำวัคซีนเข้ามาใช้ก็ต้องมาขออนุญาตเป็นผู้แทนจำหน่าย จาก อย. โดยระบุให้ชัด ว่าจะมีการนำวัคซีนจากบริษัทใดเข้ามา พร้อมทั้งนำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง วัคซีนนั้นเข้ามายื่นด้วย