ปฎิบัติการ”ฟ้าสางที่พะเยา”พยัคฆ์ไพร-กอ.รมน.พบซุกไม้มีค่า10ล้านบาท คาดเตรียมส่งออกตปท.

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากชุดปฎิบัติการพยัคฆ์ไพรและ ศปป4.กอ.รมน.ได้ปรับแผนเชิงรุกในการขยายผลติดตามขบวนการค้าไม้และมีการแปรรูปไม่เพื่อรอการขนย้ายไปยังต่างประเทศ ภายใต้แผนปฎิบัติการ ”ฟ้าสางที่พะเยา” จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายบ้านเลขที่ 1 ม.8 บ้านแม่ต่ำบุญโยง ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา มีนาย อุดร สุธรรมเม็ง อายุ 50 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง เป็นเจ้าของบ้าน

นายชีวะภาพกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบเป็นไม้ที่ขบวนการลักลอบจากในป่า ยาวประมาณ 2 เมตร คล้ายไม้หมอนรถไฟตามขนาดที่ลักลอบหาได้จากในป่า และถูกนำมาแปรรูป โดยมีการแอบตั้งแท่นและโรงเรือนแปรรูปไม้แบบผิดกฎหมายไว้ด้านหลังบ้าน ให้เป็นแผ่นบางตามที่ขนาดตลาดต้องการ และนำไปซุกซ่อนไว้ในสระน้ำหลังบ้านจำนวนหนึ่ง และบางส่วนมีการนำไปอำพรางก่อสร้างบ้านขนาดใหญ่ และเมื่อขยายผลตรวจสอบพบไม้ประดู่แผ่นขนาดใหญ่และหนามีมูลค่าแผ่นละไม่ต่ำกว่าแสนบาท จำนวนไม่ต่ำกว่า 20 แผ่น ตรวจพบถูกแปรรูปจากเลื่อยโซ่ยนต์ซึ่งเป็นการแปรรูปจากในป่า บางส่วนถูกนำมาประกอบเป็นโต๊ะไปแล้วบางส่วน ซึ่งกลุ่มขบวนการต้องการเพียงอำพรางเพื่อให้เปลี่ยนสภาพจากไม้แปรรูปเป็นสิ่งประดิษฐ์ประเภทเฟอร์นิเจอร์ เพื่อการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งไม้แปรรูปทั้งหมด

นายชีวะภาพกล่าวว่า นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบตัวอาคารบ้านพบ ว่ากำลังก่อสร้างมีการนำเสาไม้ที่เป็นไม้ท่อนขนาดใหญ่ ที่ยังไม่มีการใสกบตบแต่ง นำมาตั้งไว้จำนวน 93 ต้น เมื่อสอบถามเอกสารเกี่บวกับเสาไม้ดังกล่าว พบว่ามีเพียงใบเสร็จการซื้อขายจากร้านขายไม้เก่าจำนวนหนึ่ง และไม่มีเอกสารการได้มาอีก 35 ต้นและตรวจพบไม้สักท่อนขนาดใหญ่ ซึ่งนายอุดร ๆอ้างว่าได้ตัดฟันมาจากที่ดินปลายนาของตนเอง แต่ไม่ได้มีการขออนุญาตตามกฎหมายแต่อย่างใด ขณะที่บริเวณพื้นของอาคารที่มีการก่อสร้างแบบยกระดับขึ้นมาเป็นศาลาจำนวน 3 ศาลาตรวจพบว่ามีการซุกซ่อนไม้แปรรูป ซึ่งเป็นไม้ที่เป็นไม้ที่แปรรูปจากในป่ามาซุกซ่อน และมีการก่อสร้างปิดทับอย่างแนบเนียน ทั้ง 3ศาลา เจ้าหน้าที่จึงต้องรื้อโครงสร้างของพื้นออกพบไม้ซุกซ่อนอยู่จำนวนมาก เบื้องต้นรวมมูลค่าไม้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

นายชีวะภาพกล่าวว่า จากการสอบถามนาย อุดร สุธรรมเม็ง ให้การว่าไม้แปรรูปทั้งหมดที่ตรวจสอบพบไม่มีเอกสารการได้มาตามกฎหมายแต่อย่างใด แต่ไม่ยอมบอกว่าได้มาจากที่ไหนอย่างไร จึงจะร่วมกันดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และจะสรุปเรื่องราวทั้งหมดส่งประสานการปฎิบัติกับ ปปง.เพื่อดำเนินบังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป

 

ที่มา : มติชนออนไลน์