ดีเดย์วันนี้! ลดเวลากักตัว คนไทยและต่างชาติ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เหลือ 10 วัน ยกเว้นมาจากแถบแอฟริกาใต้
วันที่ 1 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงมาตรการผ่อนคลาย โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า จะลดวันกักตัวทั้งคนไทยและต่างชาติจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน ตามประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน นี้
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
“โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าเป็นคนต่างชาติ จะต้องมีการตรวจหาเชื้อไวรัสก่อนว่าไม่พบโควิด-19 แต่คนไทยไม่ต้องตรวจก่อน โดยไปตรวจในสถานที่กักกัน นอกจากนี้ จะมีข้อยกเว้นสำหรับบางพื้นที่ต้นทางที่มีคนเดินทางเข้ามา เนื่องจากเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ เพราะฉะนั้น ถ้าสายพันธุ์ใดแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ประสิทธิภาพป้องกันโดยวัคซีนลดลง และเป็นรุนแรงมากขึ้น ถือว่าเป็นการกลายพันธุ์ที่ให้ความสนใจ” นพ.โอภาสกล่าวและว่า
“ขณะนี้เป็นที่ยอมรับว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ อาจจะทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลง ดังนั้น ในการประกาศลดวันกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน จะมีข้อยกเว้นประเทศต้นทางของผู้เดินทางทุกสัญชาติ ถ้าภายใน 14 วัน เดินทางมาจากประเทศที่มีข้อมูลระบาดวิทยาว่ามีสายพันธุ์นี้ระบาดอยู่ หรือมีปัจจัยอื่นที่จะเชื่อได้ว่าจะทำให้ระบบป้องกัน ควบคุมโรคของประเทศไทยเกิดปัญหาขึ้น จะกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต้นทางนั้นเป็นเวลา 14 วัน”
นพ.โอภาส ยังได้ยกตัวอย่าง เช่น 10 ประเทศในภูมิภาคแอฟริกา ได้แก่
- สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
- สาธารณรัฐซิมบับเว
- สาธารณรัฐโมซัมบิก
- สาธารณรัฐบอตสวานา
- สาธารณรัฐแซมเบีย
- สาธารณรัฐเคนยา
- สาธารณรัฐรวันดา
- สาธารณรัฐแคมารูน
- สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
- สาธารณรัฐกานา
ทั้งนี้ ประเทศที่ตรวจพบเชื้อสายพันธุ์นี้ในสถานที่กักกันในประเทศไทย คือ สาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐโมซัมบิก
“ประเทศเหล่านี้เป็นต้น หลังวันที่ 1 เมษายน ยังคงมีการกักตัว 14 วัน เท่าเดิม และข้อมูลนี้จะส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และประกาศในเว็บไซต์กรมควบคุมโรค โดยจะมีการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน (อัพเดต) ทุก 2 สัปดาห์” นพ.โอภาส กล่าว