สธ. ชงล็อกพื้นที่เสี่ยง คุมการเคลื่อนย้ายคน โฟกัสจังหวัดติดเชื้อสูง

กระทรวงสาธารณสุข จ่อชงมาตรการเข้มคุมโควิด ปิดพื้นที่-ยกเลิกกิจกรรมเสี่ยง หากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทะลุหลักพันราย พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดจัดปาร์ตี้ หลังสงกรานต์ขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน 

วันนี้ (14 เม.ย.64) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 1,335 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 1,326 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 9 ราย รวมพบผู้ติดเชื้อโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.จนถึงปัจจุบัน 7,047 รายแล้ว เสียชีวิตสะสม 3 ราย กลับบ้านได้แล้วรวม 896 ราย

ซึ่งจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากกว่าร้อยรายขึ้นไปโดยนับตามรอบเดือน เม.ย. มีอยู่ทั้งหมด 9 จังหวัด คือกรุงเทพฯ 1,689 ราย เชียงใหม่ 880 ราย ชลบุรี 594 ราย สมุทรปราการ 416 ราย นราธิวาส 304 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 265 ราย สมุทรสาคร 166 ราย ปทุมธานี 124 ราย และสระแก้ว 105 ราย โดยจังหวัดเหล่านี้จำเป็นต้องมีมาตรการในการควบคุมการเคลื่อนที่ของคน ควบคุมจุดเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานบันเทิง หรือว่าการจัดงานปาร์ตี้ระหว่างบุคคลอย่างเข้มงวด เนื่องจากเป็นจุดที่มีการแพร่ระบาดของโรคอย่างกว้างขวาง

นพ.โอภาส ยังกล่าวอีกว่า ภาพรวมการระบาดรอบนี้ส่วนใหญ่เป็นคนไทย อยู่ในวัยหนุ่มสาวอายุ 20-29 ปี ซึ่งมีกิจกรรมค่อนข้างเยอะ ไปเที่ยวจากสถานบันเทิง ไปเที่ยวอีกจังหวัดหนึ่ง หรือกลับบ้านในช่วงสงกรานต์ ก็จะมีความเสี่ยงต่อผู้สัมผัสที่เป็นคนในครอบครัวติดเชื้อ และมีแนวโน้มว่าการติดเชื้อในครอบครัวจะเพิ่มมากขึ้น จากนั้นก็จะกระจายสู่คนในชุมชน ดังนั้นจังหวัดไหนที่ยังไม่มีการระบาดในชุมชนก็จะต้องตัดวงจร โดยการติดตามผู้สัมผัส คัดกรอง ลดการเคลื่อนย้ายของชุมชน

อย่างไรก็ตามช่วงนี้เป็นช่วงที่นักเรียนปิดเทอม และก็จะมีกิจกรรมอย่างเช่น การออกค่าย ทัศนศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้โรคแพร่กระจายไปได้ ถ้าเป็นไปได้ขอให้งดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นทั้งหมด

ส่วนสถานการณ์ฉีดวัคซีน แม้จะเป็นวันหยุดแต่เราก็ยังเดินหน้าฉีดวัคซีนต่อเนื่อง ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 579,305 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 505,744 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 73,561 ราย ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายและกำหนดเวลา เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นได้ว่าการฉีดวัคซีนในประเทศไทยโดยเฉพาะวัคซีนหลักที่จะมาในเราราว ๆ 60 ล้านโดสนั้นจะมีประสิทธิภาพและมีศักยภาพในการฉีดให้กับประชาชนได้

ทั้งนี้ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังได้กำชับเรื่องของการตรวจสอบคุณภาพซิโนแวคที่เข้ามาล็อตล่าสุด 1 ล้านโดส เมื่อวันที่ 10 เม.ย. คาดว่าภายใน1-2วันนี้จะมีการส่งให้บุคลากรด้านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวน 600,000 โดส จึงขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดดำเนินการฉีดให้ครบถ้วนภายในหนึ่งเดือน ซึ่งหมายความว่าบุคลากรทุกคนจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อรองรับการระบาดในระยะนี้

ด้าน นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษากระทรวง และโฆษก สธ. กล่าวต่อว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาตั้งแต่เวลา 07.00 น.ได้มีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยมี นายอนุทิน ชาญว่ากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วยอาจารย์แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและนอก สธ. โดยได้หารือกันใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 

ประเด็นที่ 1 สถานการณ์ขณะนี้มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่าจะพบมากกว่าวันละ 1,000 ราย โดยที่ประชุมเสนอมาตรการสำคัญที่นอกเหนือจากการปิดสถานบันเทิงที่ดำเนินขณะนี้ โดยให้เพิ่มมาตรการควบคุมที่เข้มข้น ทั้งการปิดพื้นที่เสี่ยง ยกเลิกกิจกรรมเสี่ยง งดการรวมตัวของประชาชน รวมถึงการทำงานที่บ้าน เรียกร้องให้หน่วยงานเอกชนปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวเช่นกัน และขอความร่วมมือประชาชนปรับเพิ่มพฤติกรรมด้านสุขภาพเพื่อป้องกันโรค

ประเด็นที่ 2 ทางที่ประชุมในภาคส่วนของสธ.ภาครัฐ เอกชน มีคามห่วงใยเรื่องการบริหารจัดการเตียงในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ได้เพิ่มกลไกทำให้มีการจัดการดีขึ้น รวมถึงเพิ่มจำนวนเตียงให้เพียงพอต่อการรองรับสถานการณ์  

ประเด็นที่ 3 วัคซีนป้องกันโควิด-19 สธ.ขอยืนยันด้วยข้อมูลทางวิชาการว่า วัคซีนทั้ง 2 บริษัทที่ประเทศไทยจัดหาเพื่อประชาชน คือ แอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค มีประสิทธิภาพในการลดการติดเชื้อ ลดอัตราการป่วยตายได้ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขห่วงใย มีข้อสั่งการให้เร่งฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่ รวมถึงต้องฉีดวัคซีนในระยะถัดไปให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าให้ได้ 100%