ผู้ป่วยโควิดเครียด ฆ่าตัวตาย สธ.แนะตั้งสติ เตรียมรับมือ

ตำรวจฆ่าตัวตายเครียดโควิด
ภาพโดย planet_fox จาก Pixabay

สธ.เผยมีรายงานว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ฆ่าตัวตาย 1 ราย แนะตั้งสติ เตรียมรับมือ

วันที่ 21 เมษายน 2564 มติชน รายงานว่า ในการแถลงรายงานสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ประจำวัน นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เผยว่า คลัสเตอร์ที่โรงงานแห่งหนึ่งใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นประธานบริษัท ที่ไปงานมอเตอร์โชว์เมื่อต้นเดือนเมษายน จากนั้นวันที่ 9 เมษายน เริ่มมีอาการป่วย และมีกิจกรรมรดน้ำสงกรานต์ภายในโรงงานด้วย

ทำให้มีผู้สัมผัสและมีการติดเชื้อ 11 ราย จากผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 72 ราย, พนักงานขับรถบริษัท 1 ราย และมีผู้ติดเชื้อในครอบครัวอีก 4 ราย รวมทั้งสิ้น 17 ราย

“กรณีนี้เป็นการสัมผัสเชื้อในที่ทำงาน ดังนั้นในสถานประกอบการจึงไม่ควรมีกิจกรรมที่รวมตัวกัน หากเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง ควรแยกการรับประทาน ไม่ควรมีการสังสรรค์ร่วมกับผู้ป่วยโควิด เพราะนอกจากจะมีความเจ็บปวดทางร่างกายแล้ว ยังมีผลกระทบทางจิตใจ มีความกดดันทางจิตใจด้วย และขณะนี้มีรายงานว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ฆ่าตัวตาย 1 ราย หากได้ข้อสรุปที่เรียบร้อยแล้วจะรายงานต่อไป” นพ.เฉวตสรร กล่าว

โดยเมื่อเวลา 16.00 น. มีรายงานว่า ร้อยเวรฯสน.ปทุมวัน รับแจ้งจากโรงพยาบาลตำรวจว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิต ตรวจสอบทราบว่าเป็นตำรวจยศ ร.ต.อ.อายุ 59 ปี สังกัดกองบังคับการตำรวจรถไฟ โดยตำรวจรายนี้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนาม รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 64 ต่อมาวันที่ 20 เม.ย.64 ได้ย้ายขึ้นมารักษาที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ตำรวจ เนื่องจากมีอาการแย่ลง ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำลง กระทั่งเวลา 15.00 น. ลุกมาเข้าห้องน้ำนานกว่า 1 ชั่วโมง

พยาบาลเปิดประตูห้องน้ำ พบว่าผูกคอตายในห้องน้ำ พยาบาลพยายามช่วยชีวิต แต่ชีพจรไม่ขึ้น เสียชีวิต เมื่อเวลา 17.00 น.

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น โดยตำรวจรายดังกล่าว เสียชีวิตเพราะความเครียด เพราะเป็นต้นเหตุให้คนในครอบครัวเสี่ยงติดเชื้อ ไม่ได้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 เบื้องต้นญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต แต่ยังต้องมีการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงตามขั้นตอนต่อไป

ด้าน ผศ.พิเศษ นพ.ปราการ ถมยางกูร ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด ทำให้คนมีความกังวล กลัวว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวจะติดโรค เมื่อกังวลมาก ๆ จะกลายเป็นความเครียด ทำให้เกิดความโกรธแค้นต่อสิ่งต่าง ๆ โกรธคนแพร่เชื้อ โกรธระบบบริการ รวมไปถึงการโกรธและการรังเกียจเรื่องเชื้อชาติ เหมือนที่ปรากฏเป็นข่าวคนเอเชียถูกทำร้ายร่างกายในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้บางคนกลัวจนไม่กล้าออกไปข้างนอกหรือไม่ทำอะไรเลย

นพ.ปราการ กล่าวว่า วิธีสังเกตว่ามีความเครียดเกินไปหรือไม่ ให้ดูว่าหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น เหงื่อออกง่าย ปวดหัว ความคิดหรือจิตใจไม่แจ่มใส หรือไม่

“วิธีช่วยคลายเครียดคือการไม่เสพข่าวสารมากเกินไป ออกกำลังกายให้ร่างกายผ่อนคลาย ทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ร่วมกับการป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อย ๆ เมื่อเราป้องกันตัวเองดีจะทำให้ปลอดภัยจากสถานการณ์ ก็จะไม่เครียดเกินไป หรือถ้าไม่รู้จะพูดหรือคุยกับใครสามารถปรึกษาสายด่วน 1323 ได้”

“ถ้าเราหรือคนใกล้ตัวติดเชื้อ อันดับแรกต้องตั้งสติ โรคนี้รักษาให้หายได้ จากนั้นปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ. ซึ่งเราสามารถเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้ จะได้ไม่ตื่นตระหนกหรือเครียดเกินไป” นพ.ปราการ กล่าวและว่า โรคไวรัสนอกจากทำลายสุขภาพกายแล้ว ยังมีผลต่อสุขภาพใจด้วย ดังนั้น จึงอยากรณรงค์ให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ยิ้มให้กันเข้าไว้ ยิ้มสู้กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน