ไทยแซงสิงคโปร์ ยอดติดโควิดสะสมนำกว่า 600 ราย อันดับสู้โควิดร่วง

ไทยแซงสิงคโปร์ คนติดโควิด
ภาพจากเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์

สิงคโปร์ โค่น นิวซีแลนด์ ขึ้นแท่นสถานที่ที่สามารถปรับตัวสู้กับโควิดอันดับ 1 ของโลก ส่วนประเทศไทย ผู้ติดเชื้อโควิดสะสมแซงหน้าสิงคโปร์กว่า 600 ราย 

วันที่ 28 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ระบุว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 2,012 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 61,699 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 15 คน ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 178 ราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยอาการหนักอยู่ที่ 695 ราย ส่วนใหญ่มีผลมาจากอาการปอดอักเสบ ซึ่งต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 199 ราย

ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ข้อมูล ณ วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 149,328,858 ราย อาการรุนแรง 111,234 ราย รักษาหายแล้ว 126,982,137 ราย และเสียชีวิต 3,148,781 ราย

ทั้งนี้ อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล ฝรั่งเศส และรัสเซีย ขณะที่ ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 104

ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในประเทศไทย ทำให้วันนี้เป็นวันแรกในรอบ 2 สัปดาห์ ที่ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมแซงหน้าสิงคโปร์ โดยประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 61,699 ราย รายใหม่ 2,012 ราย ส่วนสิงคโปร์ สะสม 61,063 ราย รายใหม่ 12 ราย เท่ากับวันนี้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่าสิงคโปร์ 636 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ประเทศไทยมีมากกว่าสิงคโปร์ถึง 2,000 ราย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดแซงหน้าไทย โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม รวม 2,918 ราย ส่วนไทยในขณะนั้นมีผู้ติดเชื้อสะสม 2,579 ราย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองในอาเซียน เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถรับมือกับโควิดได้ดีเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก

 

ล่าสุด มติชน รายงานอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานการจัดอันดับสถานที่ที่สามารถปรับตัวสู้กับโควิดจากทั้งหมด 53 เขตเศรษฐกิจของโลก ประจำเดือนเมษายน ระบุว่า สิงคโปร์ ขึ้นนำอันดับ 1 โค่นแชมป์เก่าอย่าง นิวซีแลนด์ สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดอันดับ

เนื่องจาก สิงคโปร์ สามารถลดการแพร่ระบาดรายวันได้เกือบเป็นศูนย์ จากการบริหารจัดการชายแดนและนโยบายกักกันโรคที่เข้มงวด ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ กระทั่งสามารถจัดคอนเสิร์ต หรือลงเรือสำราญ ได้

นอกจากนี้ สิงคโปร์ ยังฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากร 1 ใน 5 ของประเทศแล้ว ที่นับเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมการระบาด ซึ่งประเทศชั้นนำในการควบคุมการระบาด เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และไต้หวัน ยังคงขาดในเวลานี้

สำหรับประเทศไทย อันดับร่วงจาก 9 ลงมาอยู่ 13 ถูกเวียดนาม ฮ่องกง และฟินแลนด์ แซงหน้าขึ้นไป โดยประเทศไทยมีคะแนนการปรับตัวรับมือการแพร่ระบาด 66.7 คะแนน