“การบินพลเรือน”คุมเข้มขอโควิด ขอสายการบินจำกัดเดินทาง 23.00-04.00 น. ย้ำไข้สูง 37.3 ทั้งผู้โดยสาร-เจ้าหน้าที่งดบิน เตือนเป็นผู้ป่วย-สัมผัสเสี่ยงห้ามบินเด็ดขาก
วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ชี้แจงกรณีที่ศูนย์ข้อมูลโควิดจ.ภูเก็ตประกาศแจ้งผู้โดยสารของสายการบิน 3 สายการบิน รวม 7 เที่ยวบิน ที่ได้มีการเดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2564 เป็นต้นมา ซึ่งมีผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต้องตรวจหาเชื้อและกักตัวโดยเร็ว
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
เพื่อเป็นการยกระดับการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ยกระดับมาตรการให้เข้มงวดรัดกุมขึ้น CAAT จึงออกประกาศแนวปฏิบัติสำหรับผู้ให้บริการสนามบินและสายการบิน ในเส้นทางการบินภายในประเทศมีสาระสำคัญ ดังนี้
จำกัดบินเวลา 23.00 – 04.00 น.
1. ขอความร่วมมือให้สายการบินพิจารณาจำกัดการให้บริการระหว่างเวลา 23.00 – 04.00 น. เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้โดยสารในการเดินทางระหว่างสนามบินและที่พัก และเพื่อให้สอดคล้องกับการขนส่งสาธารณะประเภทอื่น ๆ
2. ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน การยกเลิกเที่ยวบินและการรวมเที่ยวบิน ให้แจ้งและดูแลผู้โดยสารอย่างเหมาะสม ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินของไทยในเส้นทางบินประจำภายในประเทศ 2553
ผู้โดยสาร-เจ้าหน้าที่ไข้สูง 37.3 องศา ไม่ให้บิน
3. สนามบินจะดำเนินการตรวจคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการอย่างเข้มงวด โดยต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดที่ไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ถูกตรวจวัด และหากผู้ใดไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หรือวัดอุณหภูมิได้สูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส ให้ปฏิเสธการเข้าพื้นที่สนามบินโดยเด็ดขาด
4. เจ้าหน้าที่สายการบินจะตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารโดยใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดก่อนขึ้นเครื่องบินที่สถานีต้นทาง และผู้โดยสารจะถูกตรวจวัดอุณหภูมิอีกครั้งก่อนออกจากพื้นที่สนามบิน หากอุณหภูมิสูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ เจ้าหน้าที่สนามบินจะรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที
จี้สายการบินจัดที่นั่งเหมาะสม
5. ให้สายการบินพิจารณาการจัดที่นั่งในเครื่องบินอย่างเหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบิน โดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นแออัด เพื่อช่วยในการป้องกันควบคุมโรค
6. ให้สนามบินและสายการบินแจ้งเตือนผู้โดยสาร กรณีหากเป็นผู้ป่วยยืนยันหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องงดการเดินทาง หากฝ่าฝืนอาจได้รับโทษตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ 2558
ทั้งนี้ ให้เริ่มปฏิบัติตามตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดไป หรือมีประกาศอื่นใดเพิ่มเติม