ศบค. สั่งมหาดไทย แบ่ง “โควตาวัคซีน” ฉีดให้ผู้ประกอบการ “ร้านอาหาร”

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ศบค.สั่งมหาดไทย ให้ผู้ว่าฯ พิจารณาจัดสรรโควต้าวัคซีนฉีดให้กับผู้ประกอบการร้านอาหาร หลังสมาคมภัตตาคารไทยร้องขอความอนุเคราะห์ เผยคนไทยกลับมาจากอินเดียคุมเข้มดูแลอยู่แล้ว ส่วนแผนการกระจายวัคซีนน่าจะมีข่าวดีเร็วๆนี้

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ตอบข้อสอบถาม เรื่องของร้านอาหาร หลังมีการออกมาตรการออกมาและได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก คำถามก็คือถ้าครบการบังคับใช้ 14 วัน ในวันที่ 14 พ.ค.นี้แล้ว มีความมเป็นไปได้ไหมที่ศบค.จะมีการผ่อนคลายมาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ คนค้าขายต่างๆได้ผ่อนคลายลงบ้าง

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องร้านอาหาร เลขาฯสมช.ได้รับนโยบายมาจากทางผอ.ศบค. ที่เห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการ เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่รับผลกระทบแค่ผู้ประกอบการ เพราะร้านอาหารต้องดูแลปากท้องของตัวเอง ของลูกค้า ของพนักงานด้วย ซึ่งตรงนี้ได้มีการพูดคุยกัน โดยทางสมาคมภัตตาคารที่เป็นตัวแทนได้เสนอขอความอนุเคราะห์จากทางนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. มี 2 ประเด็น

1.คือมาตรการการผ่อนคลาย ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อในร้านอาหารลดลง หรือในทางเสริมกันเขามีมาตรการในการที่จะดูแลลูกค้า ขอให้ทั้งสองส่วนคือส่วนของผุ้ประกอบการ คือสมาคมฯไปทำมา และ 2 คือมอบให้กระทรวงสาธารณสุขได้ดูมาตรการเหล่านี้ว่า สามารถที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้หรือไม่ ถ้าสร้างความมั่นใจได้ การผ่อนคลายก็จะเกิดขึ้นโดยเร็ว

เรื่องที่สอง ทางสมาคมภัตตาคารไทยได้ขอมาว่า ในจังหวัดใหญ่ๆ คนที่มีกำลังซื้อเยอะ คนที่ขายก็อยากจะขายให้สบายใจ ขอวัคซีนได้ไหม ทางที่ประชุมโดยท่านเลขาฯสมช.ก็บอกว่า ในเมื่อเขาต้องประกอบการร้านอาหาร ใกล้ชิดกับสินค้าของเขาและต้องเอาไปบริโภค และมีโอกาสที่จะติดต่อกันได้  เพราะฉนั้นตรงนี้ก็ขอเหมือนกันว่า น่าจะพิจารณาได้

“วันนี้ก็ได้บอกกับทางศบค. กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดไปดูในแต่ละจังหวัดว่า เหมาะไหมที่จะแบ่งส่วนหนึ่งของวัคซีนที่จะได้รับโควตาไปให้กับผู้ประกอบการที่เป็นร้านอาหารด้วย เขาก็จะได้ทำอาหาร นอกจากอร่อยแล้ว ยังต้องสะอาด และคนทำก็ยังมีเรื่องของการได้รับวัคซีน และปลอดภัยจากการติดเชื้อด้วย นี่คือสิ่งที่พูดคุยกันเมื่อเช้า ซึ่งมีแนวโน้มที่ดี” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

ส่วนข้อสอบถามเกรณี เรื่องที่เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยที่อินเดียที่เดินทางกลับเข้ามาไทยและติดโควิด 3 คน ได้มีการตรวจสอบเรื่องของสายพันธุ์ และการควบคุมมาตรการต่างๆ หรือไม่อย่างไร

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องของสายพันธุ์ เรามีการตรวจสอบอยู่แล้ว และให้ความสำคัญกับเชื้อกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์อินเดีย มีการตรวจเป็นระยะ และกลุ่มสงสัยจะต้องได้รับการดูแล เรียกว่าเป็นการตรวจจีโนม ซึ่งต้องใช้แลปที่สูง ซึ่งมีทางมหาวิทยาลัยก็เข้ามาช่วย ทั้งจุฬาฯ ศิริราช หรือผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้มอนิเตอร์ให้อยู่

“ข้าราชการที่อยู่ในอินเดียและกลับมาก็เป็นสิทธิของเขา ที่กลับมาและมีการติดเชื้อขึ้นมา ก็เป้นโอกาสที่เราจะได้เข้าไปดูแล และรักษาเขาให้ดีขึ้น สว่นจะเป็นสายพันธุ์อะรต้องรอการตรวจสอบ”

ส่วนข้อสอบถามที่ว่า จะมีการปรับแผนการฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง 16 ล้านคนหรือไม่ หรือว่าจะมีการปรับเปลี่ยนให้กับกลุ่มเสี่ยงอื่นหรือไม่ เนื่องจากตัวเลขการลงทะเบียนยังอยู่ในระดับ 1 ล้านต้นๆเท่านั้น

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า วันนี้เลขาฯสมช. ได้แจ้งในที่ประชุมว่า พลอ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ประชุมครม. โดยระบุว่ามาตรการสำหรับการให้วัคซีนแทนที่จะอยู่ในกลุ่มคน 2 กลุ่ม ซึ่งเท่าที่เราทำกันมามียอดประมาณ 1.6 ล้าน แต่ยอดท่เรากำลังจะให้คือ 16 ล้าน ห่างกันประมาณ 10 เท่า

“เพราะฉนั้นขอให้ทางกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการวัคซีน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้ไปพิจารณาขยายกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งขา่วดีคงจะมาเร็วๆนี้ ขอให้ติดตามอีกที” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว