คนสูบบุหรี่ ติดโควิดรุนแรง-เสียชีวิต มากกว่าคนทั่วไป 40-50% ศบค. เผย

สูบบุหรี่-โควิด

ศบค. เผย WHO ขอประชาชนเลิกสูบบุหรี่ ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด พบอาการรุนแรง ถึงเสียชีวิต มากกว่าคนทั่วไป 40-50%

วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังการแถลงสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประจำวัน แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ขอให้ประชาชน เลิกสูบบุหรี่ เพื่อลดความรุนแรงจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เนื่องจากผู้ที่สูบบุหรี่ ถือเป็นผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด จนนำไปสู่อาการรุนแรง และเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป 40-50%

WHO ระบุว่า มีผู้สูบบุหรี่ประมาณ 1,100 ล้านคนทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ปีละไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคน และในจำนวนดังกล่าวมีประมาณ 8.9 แสนคน เสียชีวิตจากการสูดดมควันบุหรี่มือสอง ส่วนการรายงานตัวเลขของประเทศไทย โดยคณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี ปี 2560 พบคนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่กว่า 7 หมื่นคนต่อปี ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่เป็นคนสูบบุหรี่หน้าใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 7 หมื่นคนเช่นกัน

“ไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่กว่า 7 หมื่นรายต่อปี แต่ตัวเลขคนไทยสูบบุหรี่เกิน 10 ล้าน ไม่เคยลดลง เพราะว่าเมื่อมีคนเสียชีวิตปีละ 7 หมื่น แต่เราพบว่า ผู้ที่เป็นคนสูบบุหรี่หน้าใหม่ แต่ละปีเกิน 7 หมื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่น่าเป็นห่วง ค่อนข้างไปทางวัยรุ่นและเป็นการสูบบุหรี่ไฟฟ้า”

นอกจากนี้ จากการสำรวจช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ทำให้ WHO พบว่า มีคนจำนวนมากที่สูบบุหรี่ มีความประสงค์จะเลิกบุหรี่ เนื่องจากค้นพบว่าบุหรี่นอกจากจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด และทำให้โรครุนแรงแล้ว ยังเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น หรือรวมทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ การที่ต้องใช้จ่ายในการซื้อบุหรี่ และเป็นการสะท้อนว่า หากประชากรในประเทศสุขภาพไม่ดี ประเทศก็พัฒนาไปได้ยากลำบาก

แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวว่า ปีนี้ WHO นำร่อง 29 ประเทศ จัดแคมเปญด้วยหัวข้อ Commit to quit มีความตั้งใจที่จะให้คนเลิกสูบบุหรี่ สามารถที่จะเข้าถึงเครื่องมือ บริการที่ช่วยให้เขาเลิกบุหรี่ได้ ประเทศไทย ก็มีคลินิกฟ้าใส กระจายอยู่ทั่วประเทศ หรือโทรฟรีที่เบอร์ 1660 quitline

ทางแพทยสภา และแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอความร่วมมือไปในส่วนของจังหวัดที่จะช่วยกันรณรงค์ให้ การเลิกบุหรี่ เป็นวาระที่มีความสำคัญ เพื่อให้การรณรงค์เลิกบุหรี่ มีความสำเร็จและก็ยั่งยืน ไม่ใช่เฉพาะการใช้กฎหมาย แต่ขอเน้นย้ำให้พัฒนาระบบให้บริการเลิกบุหรี่ด้วยเช่นกัน