กทม. รุกฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 64 นี้

กทม. รุกฉีดวัคซีนผู้สูงอายุให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 64 นี้

วันที่ 31 พ.ค. 64 พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 9/2564 โดยมีคณะอนุกรรมการทั้งหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานต่างสังกัด อาทิ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนโรงพยาบาลสังกัดกองทัพ ผู้แทนโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)

จากที่พบการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในสถานดูแลผู้สูงอายุบางแห่ง ซึ่งนับเป็นอันตรายค่อนข้างสูง เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยงสูงและหากมีการติดเชื้อโควิด-19 จะง่ายต่อการเป็นอันตรายถึงชีวิต ที่ประชุมจึงเห็นชอบแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มผู้สูงอายุของกรุงเทพมหานคร ตามที่สำนักอนามัยเสนอ ภายในเดือน มิ.ย. – ก.ค. 64

สำหรับแนวทางการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิดสำหรับผู้สูงอายุในพื้นที่กรุงเทพฯ แบ่งเป็น

กลุ่มที่ 1 ผู้สูงอายุและผู้ดูแลในสถานสงเคราะห์ (บ้านพัก) คนชรา ทั้งในสังกัดกรุงเทพมหานคร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บ้านพักของเอกชน มูลนิธิ ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ให้สถานดูแลผู้สูงอายุประสานโรงพยาบาลที่จะไปให้บริการฉีดวัคซีน โดยแจ้งรายชื่อและจำนวนผู้สูงอายุที่ต้องการรับการฉีดวัคซีน โดยสำนักอนามัย จะจัดสรรวัคซีนให้ตามจำนวนที่ได้รับแจ้ง

กลุ่มที่ 2 สำหรับผู้สูงอายุในชุมชน ผู้ป่วยติดเตียง ติดบ้าน ให้ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม แต่ละสำนักงานเขต ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข สำรวจรวบรวมรายชื่อ เพื่อนัดหมายการฉีดวัคซีน โดยจัดเตรียมอุปกรณ์ และพยาบาลเยี่ยมบ้านเพื่อฉีดวัคซีนเชิงรุกที่บ้าน

กลุ่มที่ 3 ส่วนผู้สูงอายุในชุมชนที่มีสุขภาพแข็งแรง และประสงค์จะรับการฉัดวัคซีนในโรงพยาบาลใกล้บ้านหรือโรงพยาบาลที่สะดวก ให้ประสานแจ้งความประสงค์รับวัคซีนในโรงพยาบาลดังกล่าว โดยโรงพยาบาลจะรวบรวมรายชื่อเพื่อขอรับจัดสรรวัคซีนมายังสำนักอนามัย และกำหนดนัดหมายการฉีดวัคซีน ณ ลงทะเบียนที่โรงพยาบาลที่แจ้งความประสงค์

ในส่วนของการขอรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นกลุ่ม หรือในลักษณะหน่วยงาน หรือองค์กร ปัจจุบันการปฏิบัติยังมีความซ้ำซ้อนกันหลายหน่วยงาน ที่ประชุมจึงให้สำนักอนามัยในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีน หารือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนต่อไป