แหล่งรวมร้านเครื่องประดับเงิน-อัญมณี บนถนนเจริญกรุงทยอยปิดตัว หลังเผชิญโควิด-19 ระลอก 3 ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกาศปิดกิจการ-เซ้งห้องแถว หลายเจ้าหันไปประกอบธุรกิจอื่น ขณะที่ยอดส่งออกเครื่องประดับเงินเริ่มฟื้นตัว หลังประเทศผู้นำเข้า สหรัฐ-จีน-ยุโรป กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้น โดยเฉพาะตลาดออนไลน์
การแพร่ระบาดของโควิด-19 กว่า 2 ปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมผลิต-ส่งออกของประเทศ ไม่เว้นแม้แต่การผลิต “เครื่องประดับเงิน” ซึ่งประเทศไทยจัดเป็นผู้ผลิต-ส่งออกรายใหญ่ของโลก โดยก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ศูนย์การค้าเครื่องประดับเงินจะตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงแทบจะตลอดทั้งเส้นปรากฏ มีร้านค้าเครื่องประดับและเครื่องประดับเงินกระจายอยู่มากกว่า 30 ร้าน แต่ปัจจุบันร้านค้าเครื่องประดับเงินบนถนนเส้นนี้แทบจะปิดตัวลงทั้งหมด เนื่องจากไม่มีลูกค้าชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสั่งซื้อเครื่องประดับเงิน
“ประชาชาติธุรกิจ” สำรวจร้านจำหน่ายเครื่องประดับเงินตลอดถนนเจริญกรุง จากเดิมที่มีอยู่มากกว่า 100 ร้าน ปัจจุบันเหลือร้านค้าที่เปิดทำการอยู่ในหลักสิบ บางร้านติดป้ายบอกเลิกกิจการบางแห่งก็ติดป้ายเซ้งตึก จากการสอบถามผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องประดับที่ยังเปิดดำเนินการอยู่แจ้งว่า ร้านค้าเครื่องประดับเงินรวมทั้งเครื่องประดับอัญมณีทยอยปิดตัวลงอย่างถาวรในช่วงของการระบาดโควิด-19 ระลอก 2 และปิดลงแทบจะทั้งหมดในการระบาดระลอก 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านจำหน่ายเครื่องประดับขนาดกลางและขนาดเล็กคูหาเดียว เนื่องจากไม่มีลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวจีน เดินทางเข้ามาในประเทศ
มีหลายร้านที่ประกาศเลิกกิจการไปเลย บางร้านก็หยุดชั่วคราว และอีกหลายร้านได้ติดประกาศเซ้งตึก ส่งผลให้บรรยากาศบนถนนเจริญกรุงเต็มไปด้วยความเงียบเหงา รวมไปถึงบรรดาตรอกซอกซอยที่เคยเปิดดำเนินการก็มีแต่ “ความเงียบ”
ด้านนายกิตติศักดิ์ อุดมแดงอร่าม นายกสมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทย กล่าวว่า ร้านค้าเครื่องประดับและเครื่องประดับเงินบนถนนเจริญกรุง “จำเป็น” ต้องปิดกิจการลง เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการค้าเครื่องประดับเงินหน้าร้านให้กับชาวต่างชาติ เมื่อโควิด-19 ระบาด ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ลูกค้าชาวต่างชาติก็เดินทางเข้าประเทศไม่ได้ ส่งผลให้ร้านค้าเครื่องประดับเหล่านี้ขาดรายได้ จนไม่สามารถประกอบกิจการต่อไปได้ มีความจำเป็นเลิกกิจการ บางเจ้าก็ประกาศขายตึก บางแห่งก็เซ้ง หรือหันไปประกอบกิจการอย่างอื่น
“เป็นภาวะที่เหมือนกันหมด ทุกคนได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่คาดไม่ถึงว่า จะกินเวลายาวนานมากกว่า 2 ปีและยังไม่รู้ว่า จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ส่วนการส่งออกเครื่องประดับเงินตอนนี้ยังพอไปได้ หลังจากที่แย่มากว่า 2 ปี แต่ไตรมาส 1/2564 เราเห็นสัญญาณว่า การส่งออกเครื่องประดับเงินเริ่มฟื้นตัว หลังจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่อยู่ในจีน-สหรัฐ-ยุโรป มีการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมา ทำให้การส่งออกเครื่องประดับเงินของเราดีขึ้น” นายกิตติศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2562 ประเทศไทยมีการส่งออกเครื่องประดับเงินคิดเป็นมูลค่า 1,556.34 ล้านเหรียญ ปี 2563 มูลค่า 1,410.10 ล้านเหรียญ หรือลดลงร้อยละ -9.39 จากการระบาดของโควิด-19อย่างไรก็ตาม เฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้ (1/2564) เทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา (1/2563) ปรากฏการส่งออกเครื่องประดับเงินเริ่มฟื้นตัวจาก 348.76 ล้านเหรียญ เป็น 371.30 ล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.46 โดยการส่งออกเครื่องประดับเงินคิดเป็นสัดส่วน 20.56% จากหมวดอัญมณีและเครื่องประดับของไทยทั้งหมด
“ตลาดสหรัฐและยุโรปเริ่มฟื้นตัว จากการติดตามพบว่า การขายออนไลน์เข้ามามีบทบาทมาก ทำให้ผู้ประกอบการออนไลน์สั่งซื้อเครื่องประดับเงินของไทยเข้าไปทำตลาดอีกต่อหนึ่ง เนื่องจากเครื่องประดับเงินราคาเฉลี่ยต่อชิ้นไม่แพง ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งแตกต่างจากพวกกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับที่มีมูลค่าสูงต้องเห็นสินค้าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ” นายกิตติศักดิ์กล่าว