กมล กมลตระกูล ยกเคสงบฯ โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ เสากินรี ม็อบ ทหาร

กมล โรงงานไฟไหม้ สะท้อนรัฐใช้งบ
ภาพจากเฟสบุ๊ก กมล กมลตระกูล

กมล กมลตระกูล โพสต์ถึงเหตุโรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ ชี้ชัดการบริหารงบประมาณอย่างล้มเหลวของรัฐบาล

วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีการจัดสรรและใช้งบประมาณของรัฐบาลเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน อย่างในกรณีการแก้ไขปัญหา โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ ที่เกิดขึ้นวานนี้ (5 ก.ค.)

โดยข้อความระบุว่า “ไฟใหม่ใหญ่ซอยกิ่งแก้ว 21 (เขตราชาเทวะที่มีการสร้างเสากินรีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย) สะท้อนการใช้งบประมาณอย่างเหลวแหลก!

ไฟใหม้โรงงานโฟมที่ซอยกิ่งแก้ว 21 มีความรุนแรง เพราะมีสารเคมีอันตรายต่อชีวิตหลายประเภท แต่กองทัพที่มีทรัพยากรและเครื่องมือมากที่สุดกลับไม่ได้ถูกระดมสรรพกำลังมาช่วยแก้ปัญหาร้ายแรงครั้งนี้

ภาพเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เสี่ยงชีวิตทำงานอย่างกล้าหาญ (Hero ตัวจริงเสียงจริง) สะท้อนถึงการไม่ได้ใช้งบประมาณในเรื่องที่สำคัญทำให้ขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง ขาดเครื่องไม้เครื่องมือ ต้องใช้อาสากู้ภัยมาช่วยแทนที่จะมีเจ้าหน้าที่ประจำที่เป็นมืออาชีพ งบฯท้องถิ่นถูกนำไปใช้ในด้านเสากินรีอย่างน่าเศร้า

งบประมาณทางทหารถูกตั้งขึ้นมาจำนวนสูงมหาศาลทุกปี ในภาวะที่ไร้ศัตรูคุกคาม จึงเท่ากับซื้อเศษเหล็กมาโยนทิ้ง เพราะซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ แทนที่จะจัดสรรแบ่งมาจัดหาอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์กู้ภัยเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิง เครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย อุปกรณ์ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มีมากพอและพร้อมเพรียง

นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงระบบราชการที่ล้มเหลวของหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลและตรวจตรา ตรวจสอบด้านความปลอดภัยของโรงงานว่ามีมาตรการทำตามระเบียบของกรมโรงงานฯและตามระเบียบของด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นประจำหรือไม่

ถึงเวลาหรือยังที่ต้องออกกฎหมายให้ย้ายโรงงานสารเคมีและโรงงานที่อาจจะก่ออันตรายต่อชุมชนออกไปจากชุมชนทั้งหมดทั่วประเทศไปอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมประเภทเดียวกันเสียที คือ กฎหมาย Zoning ที่แยกโรงงานและธุรกิจบางประเภทออกจากเขตที่อยู่อาศัยและเขตเกษตรกรรมและการประมง

เรื่องแบบนี้ในประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนทำกันทั้งสิ้น แต่ผู้นำ นักการเมือง และสมาชิกรัฐสภาที่นอกจากกินเงินเดือนและค่าตอบแทนสารพัดอันสูงลิ่ว มีงบฯเดินทางไปดูงานประเทศที่เจริญแล้วทุกปีเป็นว่าเล่น แต่มัวมะงุมมะงาหราทำอะไรกันอยู่ ครับ

เวลามีม็อบ กลับสามารถระดมทหารตำรวจมาเป็นพันคนทันที มีเบี้ยเลี้ยงจ่าย มีรถฉีดน้ำควบคุมฝูงชนที่มีประสิทธิภาพฉีดน้ำแรงดันสูง แต่สิ่งเหล่านี้เราไม่ได้เห็นในสถานการณ์คอขาดบาดตายของไฟไหม้โรงงานที่มีสารเคมีอันตรายต่อชีวิตประชาชนในครั้งนี้

มันน่าเศร้านะครับ ประเทศไทย !