กรุงเทพมหานคร เตรียมเปิด Modular ICU รพ.สนามราชพิพัฒน์ 1 อาคารที่ 2 รองรับผู้ป่วยโควิด “สีแดง” คาดเปิดให้บริการวันนี้ (22 ก.ค.)
วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการจัดตั้ง Modular ICU ของโรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ 1 อาคารที่ 2 โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการแพทย์ โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง สำนักงานเขตทวีวัฒนา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมคณะ ณ ศูนย์เรียนรู้โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เขตทวีวัฒนา
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้ร่วมกับบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (SCG) ดำเนินการเพิ่มเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยที่อาการรุนแรง (สีแดง) โดยใช้นวัตกรรม Modular ICU ในการปรับเพิ่มห้อง ICU โดยถูกออกแบบตามลักษณะการทำงานของข้อกำหนดห้อง ICU ที่ใช้ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีแผนการก่อสร้าง จำนวน 4 อาคาร รองรับผู้ป่วยได้ 40 เตียง ดำเนินการแล้วเสร็จ 1 อาคาร จำนวน 10 เตียง เปิดรับผู้ป่วยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ขณะนี้มีผู้เข้าพักเต็ม จำนวน 10 เตียง
สำหรับวันนี้ (22 ก.ค.) เป็นการตรวจความพร้อมอาคารที่ 2 ซึ่งแล้วเสร็จเกือบ 100% เหลือเพียงการปรับปรุงและทดสอบระบบเล็กน้อย คาดว่าจะเปิดบริการได้ภายในวันนี้ (22 ก.ค.) สำหรับอาคารที่ 3 และ 4 จะเปิดให้บริการภายในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะแล้วเสร็จครบ 40 เตียง ภายในเดือน ก.ค. 2564 โดยได้รับความร่วมมือทีมแพทย์ในการบริหารจัดการ การดูแลผู้ป่วยจากโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ได้จัดเตียงสำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดที่อาการรุนแรง (สีแดง) จำนวน 16 เตียง ที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน คาดว่าจะเปิดบริการภายในสิ้นเดือน ก.ค. 2564 เช่นกัน
Modular ICU
ที่เว็บไซต์ SCG ระบุว่า นวัตกรรมห้อง Modular ICU ออกแบบและก่อสร้างได้อย่างรวดเร็วจากการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ จากโรงงาน โดยระบบ Modular สามารถควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างตั้งแต่การออกแบบจนถึงการผลิตจากโรงงานเพื่อมาประกอบบริเวณหน้างานได้อย่างมีมาตรฐาน ถูกออกแบบตามฟังก์ชั่นการทำงานของข้อกำหนดห้อง ICU ที่มีทีมแพทย์เป็นที่ปรึกษา
ห้อง ICU นี้ สามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เหมาะสมและปลอดภัย ทั้งระบบความดันบวก (POSITIVE PRESSURE ROOM) เพื่อกำจัดเชื้อโรคและฝุ่น และระบบความดันลบ (NEGATIVE PRESSURE ROOM) เพื่อจำกัดการแพร่กระจายและลดเชื้อไวรัสออกสู่ภายนอกอาคาร