ศบค. เจออีก 4 คลัสเตอร์ใหม่ ผงะ! ล็อกดาวน์ แห่เดินทางข้ามพื้นที่แสนราย

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์

ศบค. เจออีก 4 คลัสเตอร์ใหม่ โรงงานเส้นด้วยติดเชื้อ 126 ราย ขณะที่คลัสเตอร์เดิมยังพบผู้ป่วยต่อเนื่อง ระบุโรงงานอาหารกระป๋อง 3 แห่งที่ จ.สมุทรสาคร ติดเชื้อสะสม 247 รายแล้ว ผช.โฆษก ศบค.เผย แม้ประกาศล็อกดาวน์ แต่มีคนเดินทางข้ามพื้นที่กว่าแสนราย ทำยอดติดเชื้อใน ตจว.พุ่งพรวด แซงหน้า กทม. และปริมณฑลไปแล้ว

วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า วันนี้สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก  วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 193,410,165 ราย อาการรุนแรง 82,386 ราย รักษาหายแล้ว 175,723,503 ราย และเสียชีวิต 4,151,456 ราย

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 35,213,594 ราย 2.อินเดีย จำนวน 31,291,704 ราย 3.บราซิล จำนวน 19,524,092 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 6,054,711 ราย 5.ฝรั่งเศส จำนวน 5,933,510 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 49 มีจำนวนผู้ป่วยสะสม 467,707 ราย

สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศวันนี้ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยรายใหม่ 14,575 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 438,844 ราย หายป่วยแล้ว 292,726 ราย เสียชีวิตสะสม 3,717 ราย

ข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 467,707 ราย หายป่วยแล้ว 320,152 ราย และเสียชีวิตสะสม 3,811 ราย

ส่วนผู้รับการฉีดวัคซีน ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 266,314 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 37,929 ราย และระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 22 กรกฎาคม 2564 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมดจำนวน 15,388,939 โดส

4 กลุ่มได้ฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์” บริจาค

“วันนี้ที่ประชุมได้สรุปย้ำถึงวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับการบริจาคจากต่างประเทศ โดยเน้นย้ำการกระจายวัคซีนจะไปที่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเป็นบูสเตอร์โดส กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่วนที่สองคือผู้สูงอายุและผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง หญิงมีครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป”

“กลุ่มที่สาม คือ ชาวต่างชาติ โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง รวมทั้งกลุ่มที่ 4 คนไทยที่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งนักกีฬาและนักการทูต” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

กทม.เสียชีวิต 49 ราย มี 3 รายตายที่บ้าน

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดในวันนี้ กทม. มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 3,104 ราย รวมสะสม 126,610 ราย สมุทรสาคร 1,067 ราย สมุทรปราการ 837 ราย ชลบุรี 669 ราย ระยอง 516 ราย ปทุมธานี 511 ราย อยุธยา 359 ราย ฉะเชิงเทรา 352 ราย นนทบุรี 305 ราย และปัตตานี 290 ราย(ตามตาราง)

ขณะที่ผู้ป่วยรักษาตัววันนี้มีจำนวน 143,744 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 81,808 ราย รพ.สนาม 61,936 ราย อาการหนัก 3,984 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 900 ราย

ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้มีจำนวน 114 คน ตัวเลขใหญ่อยู่ในกทม. 49 คน ปทุมธานี 12 คน สมุทรปราการ 11 คน สมุทรสาคร 6 คน ยะลา 3 คน ส่วนที่เหลือกระจายไปเกือบจะทุกจังหวัด โดยมีค่ากลางของอายุอยู่ที่ 64 ปี อายุน้อยที่สุดคือ 14 ปี และสูงสุดคือ 94 ปี(ตามตาราง)

“รายงานวันนี้มีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 3 ราย ในห้องฉุกเฉิน 1 ราย มี 47 คนที่เสียชีวตเป็นเวลาไม่เกิน 6 วัน นับจากวันที่ทราบผลการติดเชื้อ ส่วนกลุ่มสัมผัสความเสี่ยงยังเป็นการติดเชื้อในครอบครัว” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

สำหรับการกระจายการติดเชื้อใน กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัดจะเห็นว่า อัตราการติดเชื้อค่อนข้างต่างจากเมื่อก่อนแล้ว โดยเมื่อก่อนนี้กรุงทพและปริมณฑล รวมกันจะเป็นเปอร์เซ็นต์ใหญ่ แต่ตอนนี้ กทม.เหลืออยู่ 23% ซึ่งก็ยังสูงอยู่ ปริมณฑล 22% แต่พื้นที่ต่างจังหวัด (71 จังหวัด) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 55% แล้ว (ตามตาราง)

“ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่า ต่างจังหวัดกราฟค่อนข้างสูงชันทีเดียว” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว และว่า

จากรายงานของกรมควบคุมโรควันนี้ยังระบุว่า หลายจังหวัด โดยเฉพาะทางภาคอีสาน เป็นการรายงานผู้ติดเชื้อที่เดินทางไปจากกทมงและปริมณฑล และไปเกิดการสัมผัสในครอบครัว ชุมชน เพื่อนฝูง ได้แก่ อุบลราชธานี สระบุรี ตาก ขอนแก่น อุตรดิตถ์ สระแก้ว สุราษฎร์ธานี ลำปาง (โครงการรับผู้ป่วยกลับบ้าน 36 ราย) นคคราชสีมา บุรีรัมย์

เหล่านี้คือกลุ่มที่เดินทางกลับไปจาก กทม.และปริมณฑล รวมทั้งชัยภูมิ สุรินทร์ พังงา กระบี่ สตูล เป็นต้น

“วันนี้ ศปม.รายงานด้วยว่า หลังจากมีการประกาศใช้มาตรการห้ามเดินทางข้ามพื้นที่ ก็ยังพบว่ามีประชาชนเดินทางข้ามพื้นที่เกินแสนราย ในวันถัดไปคงจะนำมาตัวเลขมาเรียนให้เห็นภาพกันด้วย” แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุมใน ศบค.ชุดเล็กวันนี้ยังมีการพูดคุยถึงการดูแลผู้ป่วยใน กทม. โดยวันนี้พบผู้ป่วยจำนวน 3,104 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่รวมการตรวจด้วยวิธี Antigen Test Kit อีกประมาณ 2,000 ราย ซึ่งทีม CCRT ของ กทม. กำลังเร่งลงตรวจเชิงรุกในพื้นที่ชุมชนของ กทม. ซึ่งจะมีการรวบรวมตัวเลขมานำเสนอให้เห็นภาพรวมกันต่อไป เพื่อให้พี่น้องประชาชนไปตรวจ

ทั้งนี้ จากตัวเลขรายงานของผู้ติดเชื้อ พบว่า จากการตรวจเชิงรุก พบว่ามีการติดเชื้อสูงถึงร้อยละ 11 และหากมีประวัติเป็นผู้สัมผัสจะมีการรายงานผลการติดเชื้อตามมาสูงถึงร้อยละ 15 ตรงนี้เป็นสิ่งที่ กทม. และกรมควบคุมโรคย้ำว่า ให้พยายามสังเกตุตัวเอง และเข้าสู่ระบบการตรวจ หากเป็นผู้ติดเชื้อก็จะต้องเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็วที่สุด

แพทย์หญิงอภิสมัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ข้อมูลจากการทำงานของอนุกรรมการด้านการรักษาฟื้นฟูสุขภาพทางการแพทย์ ของกรมการแพทย์ รายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่รอเตียงเพิ่มอีก 868 ราย แต่ กทม.ได้ปิดเคสสะสม หมายความว่านำผู้ป่วยไปสู่ระบบสำเร็จแล้ว 121,457 ราย

“อยากจะให้เห็นภาพว่า แน่นอนยังมีผู้ป่วยที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ ยังไม่ได่รับการดูแลอย่างที่เราอยากให้เป็น แต่ต้องการให้เห็นว่ากระบวนการทำงานกำลังเร่งอย่างที่สุด ซึ่งอีก 800 กว่าราย จะต้องได้รับการจัดสรรโดยเร็ว ซึ่งวันนี้ก็ยังมีรายงานระดับผู้ป่วยสีแดงอีก 40 ราย ซึ่งก็จะเร่งเข้าสู่ รพ. ให้เร็วที่สุด”

เจออีก 4 คลัสเตอร์ใหม่ คลัสเตอร์เดิมยังพบป่วยเพิ่ม

สำหรับ “คลัสเตอร์ใหม่” วันนี้ ศบค.รายงานว่า มีจำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร และระยอง  ดังนี้

  • สมุทรสาคร อ.เมือง โรงงานอาหารกระป๋องที่ 3 พบผู้ติดเชื้อ 20 ราย อ.กระทุ่มแบน โรงงานด้าย พบผู้ติดเชื้อ 126 ราย
  • ระยอง อ.บ้านฉาง แคมป์ก่อสร้าง พบผู้ติดเชื้อ 26 ราย และที่ อ.ปลวกแดง บริษัทผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ พบผู้ติดเชื้อ 37 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคลัสเตอร์เดิมที่เป็นโรงงานอาหารกระป๋องแห่งที่ 1 ที่สมุทสาคร พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 13 ราย รวมสะสม 153 ราย และโรงงานอาหารกระป๋องแห่งที่ 2 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 12 ราย รวมสะสม 74 ราย รวมยอด 3 โรงงานอาหารกระป๋องมีผู้ติดเชื้อสะสม 247 รายเข้าไปแล้ว

ขณะที่คลัสเตอร์ก่อนหน้าทั้งที่ จ.ปทุมธานี อยุธยา ฉะเชิงเทรา พัทลุง สุพรรณบุรี พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นแทบทุกคลัสเตอร์ (ดูตารางท้ายข่าว)