หมอไม่ทน ชวนจับตาไฟเซอร์จากสหรัฐฯ ทวิตเตอร์ถาม #เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร

หมอไม่ทน เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร
ภาพจาก pixabay

กลุ่มหมอไม่ทน ชวนจับตา ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส จากสหรัฐฯ จะถูกจัดสรรมาถึงกลุ่มเป้าหมายหมอด่านหน้าหรือไม่?

วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ก.ค.) กลุ่ม หมอไม่ทน ได้สร้างแคมเปญบน change.org พร้อมระบุว่า จะมีการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ โดยศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาด โควิด-19

วางแผนว่าจะเตรียมให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นบูสเตอร์โดส 1 เข็ม ผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค, ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง และผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีด ไฟเซอร์ ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา

ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์หลายแห่ง ถูกบังคับ หรือถูกโน้มน้าวว่าจะไม่มีวัคซีนดังกล่าวเข้ามา รวมถึงหลายที่ออกนโยบายให้บุคลากรต้องรับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า ทาง ‘หมอไม่ทน’ จึงขอตั้งข้อสังเกตต่อความรีบร้อนในการฉีด แอสตร้าเซนเนก้า ให้บุคลากรเป็นการเร่งด่วน

ซึ่งอาจจะพอพูดได้ว่าเพื่อป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งได้รับ ซิโนแวค สองเข็มแล้ว แต่ยังมีการติดเชื้ออยู่ สร้างความกดดัน เพิ่มภาระการทำงานเมื่อผู้ร่วมงานติดเชื้อ และทำให้ไม่ไว้วางใจในการทำงานของรัฐบาล จากการตัดสินใจวางแผนวัคซีนที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก

‘หมอไม่ทน’ จึงขอเชิญชวนประชาชน เฝ้าจับตาการมาถึงของไฟเซอร์ ในอีก 7 วันต่อจากนี้ เพื่อให้วัคซีนไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับตามความเสี่ยงและความจำเป็น ไม่ให้มีการบิดเบี้ยวของแผนไปให้หน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการคอรัปชั่นที่ยากจะรับได้

บุคลากรทางการแพทย์ควรได้ฉีดบูสเตอร์โดส ด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถดูแลประชาชนได้เต็มที่ และกลุ่มเสี่ยงเช่นผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง ควรได้รับวัคซีน ไฟเซอร์ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อและอาการรุนแรงมากกว่าวัคซีนที่มีการศึกษาแล้วว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่า

‘หมอไม่ทนยัง’ ยืนยันการเรียกร้อง mRNA vaccine เป็นวัคซีนหลักให้คนไทยทุกคน ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน คือการลดโอกาสการมีชีวิตรอดของประชาชน

#เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร บนทวิตเตอร์

หลังจากแคมเปญดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวทวิตเตอร์ได้ตั้งขอสันนิษฐานต่าง ๆ ถึงเหตุผลที่บุคลากรทางการแพทย์ถูกเร่งให้ฉีดวัคซีนยี่ห้อ แอสตร้าเซนเนก้า เป็นวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 แทนที่จะได้ยี่ห้อ ไฟเซอร์ ในอีก 7 วันนี้

สธ.แจงปมหมอด่านหน้าได้ฉีดแอสตร้าฯ

วันนี้ (23 ก.ค.) นายแพทย์ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค ชี้แจงคำถามที่ว่า บุคลากรทางการแพทย์จะได้ฉีดไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 หรือไม่ นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าส่วนมากได้รับวัคซีนยี่ห้อซิโนแวค 2 เข็ม เกิน 3 เดือนแล้ว ทำให้ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกครั้ง โดยต้องไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งแอสตร้าเซนเนก้าเป็นแพลตฟอร์มไวรัสเวคเตอร์ จึงทำการฉีดกระตุ้นให้บุคลากรทางการแพทย์ไปก่อน เนื่องจากการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ยังสูง จึงรอเวลาไม่ได้

แต่ยืนยันว่าหากวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส เข้ามาเมื่อไร จะใช้วัคซีนทั้ง 2 ชนิดควบคู่กันไป ส่วนแผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เนื่องจากเป็นวัคซีนบริจาค ต้องดูว่าจะนำมาสนับสนุนในส่วนไหน แต่ข้อเสนอให้เบื้องต้นที่ยื่นให้แก่ ศบค. เพื่ออนุมัติมี 3 กลุ่มหลัก 1.กลุ่มสาธารณสุขด่านหน้าที่มีโอกาสติดเชื้อสูงจริง ๆ 2.กลุ่มสูงวัย และ 3.กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง กลุ่มพื้นที่ระบาดหนักที่ต้องระดมฉีดวัคซีนก่อน พร้อมยืนยันว่าไฟเซอร์จะเข้ามาสนับสนุนแผนงานตามปกติ ไม่มีกลุ่มไหนหรือใครได้เป็นพิเศษ

สหรัฐฯ บริจาค ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสให้ไทย

วันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า สหรัฐอเมริกาจะบริจาควัคซีนโควิด-19 ของ ไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส มูลค่า 30 ล้านเหรียญ ให้กับไทย ซึ่งจะเข้าปลายเดือน ก.ค. นี้ และเริ่มเดินหน้าฉีดเดือน ส.ค. โดยจะฉีดให้กับ 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก ดังนี้

1.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า โดยเฉพาะผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโควิดอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะฉีดในลักษณะบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3 2.กลุ่มผู้สูงอายุ 3.กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และ 4.ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น อายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นต้น