พบหลักฐานชี้พิรุธสร้างพยานเท็จ “คดีครูจอมทรัพย์” เชื่อ “ครูอ๋อง” เพื่อนสนิทมีเอี่ยว

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีประวัติศาสตร์ ครูจอมทรัพย์ หลัง ศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา เกี่ยวกับคดีของ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีต ข้าราชการครูในพื้นที่ จ.สกลนคร ที่ออกมาร้องทุกข์ให้มีการรื้อฟื้นคดี อ้างว่า ตกเป็นแพะในคดี ขับรถชนคนตาย ตั้งแต่ปี 2548 โดยถูกศาลจังหวัดนครพนม ตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน หลัง และมีการต่อสู้คดีถึง 3 ศาล ส่วนศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง แต่ศาลฎีกาตัดสิน ยืนตามศาลชั้นต้น ทำให้ ครูจอมทรัพย์ ต้องถูกจำคุก และต้นสังกัดให้ออกจากตำแหน่งข้าราชการครู แต่หลังพ้นโทษ แต่หลังติดคุก 1 ปี 6 เดือน ได้รับการอภัยโทษออกมา เมื่อปี 2558 จึงได้มีการร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อคดี ตาม พ.ร.บ.คดีอาญา การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 สุดท้าย ศาลจังหวัดนครพนม ไดนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ผลคำพิพากษา คือ ยกคำร้องของครูจอมทรัพย์ ยืนตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น และศาลฎีกาเดิม หมายถึง ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้เป็นแพะ ตามคำร้อง ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญ คือ พยานหลักฐานที่นำมาเบิกความต่อศาล ในการรื้อฟื้นคดี ไม่น่าเชื่อถือ แต่ไม่ต้องกลับไปรับโทษในคดีนี้อีก เพราะพ้นโทษมาแล้ว

ล่าสุดถึงแม้จะมีคำพิพากษาตัดสินของศาลฎีกา แต่คดียังไม่จบ โดย ทางด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้ตั้งคณะทำการ เพื่อสอบสวนขยายผลติดตามเอาผิด ขบวนการรับจ้างรับผิดแทน ครูจอมทรัพย์ เพราะเชื่อว่าเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จ และพยายามสร้างให้ครูจอมทรัพย์เป็นแพะ พร้อมได้มอบหมายให้มีการแจ้งความดำเนินคดี ในพื้นที่ 3 โรงพัก มี สภ.นาโดน สภ.เรณูนคร และ สภ.เมืองนครพนม กล่าวหา พยานสำคัญ ที่เชื่อมโยงไปถึงขบวนการรับจ้าง รับผิดแทน คือ นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของครูจอมทรัพย์ รวมไปถึง นายสับ ว่าปี ที่อ้างว่าเป็นคนขับรถตัวจริง ฐานความผิด แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน รวม 3 มาตรา มี 137 – 172 -173 ส่วนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รอการสอบสวนขยายผล หากมีส่วนเกี่ยวข้อง จะถูกดำเดินคดีทั้งหมด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องออกหมายเรียก มาสอบสวนตามขั้นตอน

โดยจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าทางตำรวจ มีหลักฐาน เอกสารสำคัญ ที่เชื่อว่า นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของครูจอมทรัพย์ ถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการที่จะคลี่คลายคดี เชื่อมโยงเอาผิดขบวนการได้ทั้งหมด เนื่องจากมีหลักฐานว่า นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง เป็นคนสำคัญในการสร้างพยานเท็จ ในช่วงที่ครูจอมทรัพย์ อยู่ในเรือนจำ ทาง 2556 มีการเคลื่อนไหว วิ่งเต้น ช่วยเหลือต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 เป็นบุคคล ที่เคย นำพยานสำคัญ ไปพบ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีหะมุกดาธนพง อดีต สว.มุกดาหาร เพื่อหาทางช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากอดีต สว.ยืนยันว่าศาลฎีกาตัดสินสิ้นสุดแล้ว ซึ่งทาง อดีต สว.ได้มาเป็นพยานให้กับฝ่ายผู้คัดค้าน คือ ตำรวจ ในการเบิกความต่อศาลในการพิจารณาไต่สวนรื้อคดีด้วย

นอกจากเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2556 นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ได้นำพยานหลายคนที่เกี่ยวข้อง มาติดต่อเจรจากับ ผู้เสียหาย คือ นางแพงสี พ่อบำรุง อายุ อายุ 61 ปี ลูกสาวของ นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 75 ปี ที่เสียชีวิตจากถูกรถชน เพื่อตกลงจะชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมมีการร่างหนังสือยินยอม ไว้เป็นหลักฐาน เรียบร้อย แต่พอถึงวันชำระคือ วันที่ 2 ธันวาคม 2560 ไม่ยอมมาตามนัดหมาย ที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม ก่อนเงียบหายไป

ที่สำคัญยังมีหลักฐานเอกสาร เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2556 ว่า นายสุริยา นวลเจริญ ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เรณูนคร ให้การตำรวจว่า นายเสริฐ รูปสะอาด เป็นคนขับรถ ตัวจริง ไม่ใช่ครูจอมทรัพย์ จึงต้องการมาลงบันทึก เพื่อนำไปเป็นพยานหลักฐานช่วยครูจอมทรัพย์ ก่อนเงียบหายไป จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ได้นำ นายสับ วาปี ไปแจ้งความลงประจำวัน ที่ สภ.นาโดน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อให้ดำเนินคดี ยืนยันว่า เป็นคนขับรถตัวจริง ทำให้มีคนขับรถถึง 2 คน ถือเป็นข้อพิรุธสำคัญ ที่จะได้เป็นหลักฐาน รวมถึงสำนวนคำให้การที่ศาลจังหวัดนครพนม ในการเบิกความต่อศาล ช่วงการพิจารณาไต่สอนรื้อฟื้นคดี รวมไปถึงการตรวจสอบข้อมูล ที่พยานครูจอมทรัพย์ นำมายืนยัน ว่า รถยนต์ คันที่ชน คือ รถยนต์กระบะ อีซูซุ บค 56 มุกดาหาร เป็นของ นายสับ ว่าปี ที่อ้างล่าสุดว่าเป็นคนขับรถตัวจริง แต่กับตรวจสอบ เอกสารหลักฐาน ว่า คนครอบครองรถล่าสุด ที่ซื้อไป คือ นายอุบล ไชยบัน ตั้งแต่ปี 2547 จากนายรัน โทนแก้ว ญาติของนายสับ วาปี ทำให้ขัดแย้งกับคำให้การของพยาน เนื่องจาก ในช่วงปี 2548 เจ้าของรถคนล่าสุดยืนยันไม่มีคนขับรถไปไหน ส่วนรถยนต์ของครูจอมทรัพย์ คือ กระบะโตโยต้า บค 56 สกลนคร

จนกระทั่งต่อมาได้เกิดพยานสำคัญขั้นอีก 2 ปาก คือ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี และ นางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 52 ปี ที่ยืนยันว่า พบเห็นเหตุการณ์ และเห็นว่ามีชายคนขับรถเดินลงมาดูผู้เสียชีวิต ก่อขับรถหนีไป พร้อมได้มาเป็นพยานฝ่ายผู้ร้อง คือ ครูจอมทรัพย์ ในวันพิจารณาไต่สวนรื้อคดี ด้วย และยังเป็นพยานที่เคยให้การกับตำรวจตั้งแต่การเริ่มดำเนินคดี ว่าเห็น เป็นชายขับรถ และเลขทะเบียน เห็นแค่ 56 ไม่สามารถจำหมวดอักษร สีรถ ยี่ห้อรถได้ แต่ไม่ได้ให้การตำรวจมาก่อนว่าเป็นชาย อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทางตำรวจเชื่อว่า นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง จะเป็นกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงเอาผิดขบวนการ รับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์ และจะได้สอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนใครจะมีความผิดหรือพัวพันขบวนการสร้างแพะ รวมถึง ตัวครูจอมทรัพย์ จะต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้อ รวมถึงเจตนาในการเบิกความต่อศาล ว่าขัดแย้งกับ คำให้การตำรวจ หรือไม่ ต้องรอกระบวนการตรวจสอบอีกครั้ง

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์